ข้อมูลเชิงวิชาการ ประวัติศาสตร์ และ ข้อเท็จจริง
ในยุคกลางขอยุโรป หรือ ที่เรียกกันว่า ยุคมืด คือ ยุคที่อยู่ใต้การปกครองของศริสตจักร แม่มดถูกประนามว่าเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย เป็นมนุนของซาตาน จึงมีการไล่ล่าเพื่อกวาดล้างแม่มดอย่างเอาเป็นเอาตายจากบรรดาบาทหลวง ไม่ว่าจะเกิดเหตุร้านผิดปกติอะไร เช่น ภัยธรรมชาติ โรคระบาด หรือ คนตายโดยไม่ทราบสาเหตุ มักจะมีการกล่าวหาว่าเป็นผลงานของแม่มด และ จะมีการรัดมกำลังกันตามหาผู้ต้องสงสัย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นแพะรับบาป การกล่าวหาส่วนใหญ่เป็นไปอย่างเลื่อนลอย หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาดูแล้วน่าสมเพช ใช้แค่การดูรูปลักษณ์ภายนอก ใครที่ดูแปลกๆกว่าคนอื่น จะโดนกล่าวห้องกล่าวหาได้ง่ายๆ เหยื่อส่วนใหญ่คือผู้หญิง โดยเฉพาะหญิงแก่ชรา มักถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด และ ถูกลากมาเผาประจานทั้งเป็นอย่างน่าเอนจอนาถ ไม่ใช่แต่คนที่มีหน้าตาอัปลักษณ์เท่านั้น ผู้ที่มีหน้าตางดงาม สวยเกินไปก็มักถูกข้อกล่าวหานี้เช่นกัน เพราะสงสัยว่าเอาวิญญานเข้าแลกกับเรือนร่างอันน่างดงาม แถมผู้ชายในสมัยนั้นยังชอบทารุนกรรมผู้หญิง โดยยกข้องอ้างจากไบเบิลขึ้นมาอ้างว่า " สูเจ้าจะต้องไม่ทรมานแม่มดด้วยการปล่อยให้มีชีวิต Thou shlt not suffer a witch to live " การเข่นฆ่าตอนนั้นจึงได้รับรองว่าเป็นสิ่งชอบธรรม
เจเค โรลลิ่ง ได้เขียนถึงการล่าแม่มดไว้ในหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ในเชิงขบขัน แต่จริงๆแล้วไม่เป็นเช่นนั้น การสังหารแม่มดเป็นเหมือนรอยแปดเปื้อนในประวัติศาสตร์แห่งมวลมนุษยชาติ ที่ไม่สามารลบเลือนได้ โดยเฉพาะการทารุนกรรมต่างๆ เกิดจากฝีมือของผู้ที่อ้างตนว่าเป็นผู้รับใช้พระเจ้า ที่ต้องมีความเมตตาการุณย์อยู่ในจิตใน แต่ตรงกันข้าม ศาสนจักรในยุคกลางนั้นป่าเถื่อน และ วิปริตผิดมนุษย์ ไม่ปรากฎหลักฐานจริงๆว่า แม่มด เคยได้ทำร้ายผู้คนจริงๆ นอกจากคำสารภาพของบุคคลที่ถูกทรมารให้รับผิด
เชื่อกันว่าแม่มดเคารพบูชา ซาตาน ในการรับใช้จอมมารนั้น ต้องเกณฑ์ผู้คนเข้าเป็นพวก อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการอันยิ่งใหญ่ ในการทำลายคริสตศาสนา ลดทอนค่านิยมอันดีงาม และ ล่อวิญญาณมนุษย์สู่ขุมนรก ในวันธรรมสวนะ ( แซบบัธวีนพักผ่อนตามลัทธิศาสนายิว คือ วันพุธ และ ศาสนาคริสต์ คือ วันอาทิตย์ ) หรือ ในวันชุมนุมของศาสนิกชนยิว โดยเฉพาะอันเรียกว่า ซันอะก๊อก ในพิธีนั้น เหล่าแม่มดจะทำการสักการะซาตาน ผู้เป็นเจ้านาย ซึ่งจะมาปรากฎตัวให้เห็นเป็นบางครั้ง ในเรือนร่างของมนุษย์ แต่บ่อยครั้งจะปรากฎในรูปสัตว์ เช่น แพะสีดำสนิท และ ใหญ่มหึมา จากความเชื่อนี้ และ เมื่อคริสตจักรเรืองอำนาจ จึงเกิดการเข่นฆ่าพวกนอกศาสนาอย่างโหดเหี้ยม
เดิมทีมีการจัดการกับพวกแม่มดหมอผีอยู่บ้าง แต่การประหัตประหารเหล่าแม่มดอย่างเป็นระบบนั้น เริ่มต้นจากการพิพากษาของศาลที่สนับสนุนโดยพระสันตะปาปา ที่จัดตั้งขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 13 เพื่อกำจัดพวกนอกรีตอัลโบเจนเซียน หรือ ชาวเมือง ฮีลบี ทางตอนใต้ของฝรั่งเศษ อย่างที่เราทราบกันดีกว่าแต่ก่อนนั้น ประสัตะปาปา หรือ โป๊บ เป็นผู้กุมอำนาจ ทั้งการเมือง และ ศาสนาไปพร้อมๆกัน เพราะฉะนั้น คริสต์ศตวรรษที่ 13 จึงมีบรรดเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่มี โป๊บ สนับสนุนเที่ยวไปสอบสวย ระรานพวก อัลโบเจนเซียน แล้วทำเลยเถิดไป กลายเป็นการเข่นฆ่าพ่อมด แม่มด เทียมกันอย่างสนุกมือ แต่สยองใจไปแทน
การเข่นฆ่าแม่มดขนาดใหญ่ เกิดขึ้นกลางของยุโรป รางวศตวรรษที่ 15 ต่อเนื่องไปจนถึง ศตวรรษที่ 17 นานหลายร้อยปีทีเดียว การกล่าวหาบุคคลต่างๆเกิดขึ้นอย่างมากมาย ประบวนการสอบสวนการทารุนต่างๆ ซึ่งไม่มีผู้ไดสามารถทนได้ เช่น การใช้ตะปูควง ตอกเล็ก , ใช้เครื่องดึงชัดรอกดึงแขนให้ไขว้ขึ้น เพื่อให้หัวไหล่หลุด แล้วแขวนไว้ให้ทรมาร และ อื่นๆอีกมาก ซึ่งผลการสอบสวนจะยุติลงเมื่อมีการสารภาพ แน่นอนคือการยอมรับผิดว่าตนเป็นพ่อมด แม่มด แต่เท่านี้ยังไม่พอ เหยื่อยังถูกให้ซัดทอดอีก
บทลงโทษยอดฮิตสำหรับการเป็นพ่อมด แม่มด คือ การเผาทั้งเป็น วิธีการนี้ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งคิดขึ้นมาใหม่ แต่เป็นธรรมเนียมตกทอดกันมา จากหลักฐายเก่าแก่ที่กล่าวถึงการเข่นฆ่าแม่มด ที่ได้บันทึกไว้เมื่อ 350 ปีก่อนคริสต์กาล โดย ดิเมอร์ชีนิส นักเล่านิทานแห่งกรีก กล่าวถึงผู้หญิงนามว่า ธีออริส แห่ง เลมมอส ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด แห่งกรุงเอเธนส์และ เธอก็ถูกเผาทั้งเป็นในเวลาต่อมา
ประเทศที่มีการทารุนกรรมมากที่สุดก็คือ เยอรมนี เฉพาะ เมืองแบมเบิร์ก เพียงแห่งเดียว มีแม่มดถูกเผาทั้งเป็นกว่า 600 คน การลงโทษนี้เริ่มตั้งแต่ปี 1609 ไดยมีบิชอป ฟอน อาสโซเสน ปกครอง โดยบิชอปคนนี้ได้สั่งเผาแม่มดไปกว่า 300 คนภายในเวลา 13 ปี หรือประมาณ สองอาทิตย์ 1 ศพ
อันที่จริงก่อนหน้ายุคกลางใช่ว่าจะไม่มีใครสนใจเรื่องราวของ พ่อมด แม่มดมาก่อน อันที่จริงน่าจะมีพ่อมด แม่มดอยู่ทั่วยุโรป ซึ่งปรากฎในประวัติศาสตร์เสมอมา จนมาถึงยุคกลางที่คริสตจักรเรืองอำนาจจนถึงขีดสุด จึงได้มีความพยายามกำจัดสิ่งที่นอกเหนือจากคำสอนของศาสนาออกไป แม้แต่ กาลิเลโอ นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ ยังถูกศาสนาพิจารณาความผิด เพราะบังอาจกล่าวว่า โลกกลม ไม่ได้แบน และ โลกไม่ได้เป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล ซึ่งขัดแย้งกับไบเบิลเป็นอย่างมาก แต่จนถึง ณ เวลานี้ เราก็ทราบกันดีว่าฝ่ายใดถูกต้อง
บล็อกเกอร์นี้ได้จำทำขึ้นมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนต์เรื่อง Harry Potter ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจในเรื่อง Harry Potter
วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554
วันหยุดและค่าเงินในโลกเวทมนต์
วันหยุดในหนังสือ
ในหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ นั้น JK ROWLING ได้กล่าวถึงวันหยุดไว้ด้วย ซึ่งก็ไม่ต่างกับ โลกมักเกิลครับ
วันคริสต์มาส - เป็นวันสมภพพระเยซู ถือว่าเป็นวันสำคัญมากสำหรับผู้ที่นับถือ ศาสนา คริสต์
แฮร์รี่ มัได้รับของขวัญในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อถักไหมพรม จาก แม่ของ วีสลีย์ ในปีที่ 1
วันอีสเตอร์ - เป็น วันฉลอง ที่พระเยซู คืนชีพ ในเดือนเมษายน ปรากฎในหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ตั้งแต่เล่มแรก จนถึงเล่มล่าสุด แฮร์รี่ และ ผองเพื่อนมักใช้เวลาว่างไปกำกับทำกิจกรรมเกินคาดคิดอยู่เสมอๆ
วันเสาร์ - อาทิตย์ - นับว่าเป็นวันหยุดปกติอยู่แล้วสำหรับการเรียนการสอน ซึ่ง แฮร์รี่ พอตเตอร์ มักใช้เวลาช่วงนี้ในการฝึกซ้อม ควิดดิช และ พักผ่อน รวมถึงการไปเยี่ยม แฮกริด ที่กระท่อมด้วย
ค่าเงินในโลกเวทมนตร์
ในโลกเวทมนตร์ นับว่าเป็นโลกอีกแห่งที่การใช้จ่ายไม่เหมือนโลกมักเกิลปกติ เงินบาท , เงินปอร์น หรือ ดอลลาร์ พวกเขาไม่ใช้หรอก เขาใช้เหรียญบรอนซ์คนุตส์ เหรียญเงินซิกเกิ้ล และ เหรียญทองเกลเลียนต่างหาก
สงสัยหรือไมว่า แฮร์รี่ นำเงินมาจากไหน ? - แฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้นำเงินที่พ่อ กับ แม่ของเขาฝากไว้ให้เขาที่ธนาคาร กรินกร็อท ในการใช้จ่ายค่าเล่าเรียน อุปกรณ์การเรียนต่างๆ ซึ่งแน่ล่ะ ครอบครัวเดอส์ลีย์ไม่มีทางให้เงินค่าเรียนแน่ !
อัตราของเงินในโลกเวทมนตร์มีดังนี้
29 คนุตส์เท่ากับ 1 ซิกเกิ้ล และ 17 ซิเกิ้ลเท่ากับ 1 เกลเลียน
อัตราค่าแลกเปลี่ยนเงินในโลกเวทมนตร์ กับ เงินบาทไทย
1 บาท = 1.5 คนุตส์ และ 19 บาท = 1 ซิกเกิ้ล และ 323 บาท = 1 เกลเลียน
ในหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ นั้น JK ROWLING ได้กล่าวถึงวันหยุดไว้ด้วย ซึ่งก็ไม่ต่างกับ โลกมักเกิลครับ
วันคริสต์มาส - เป็นวันสมภพพระเยซู ถือว่าเป็นวันสำคัญมากสำหรับผู้ที่นับถือ ศาสนา คริสต์
แฮร์รี่ มัได้รับของขวัญในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อถักไหมพรม จาก แม่ของ วีสลีย์ ในปีที่ 1
วันอีสเตอร์ - เป็น วันฉลอง ที่พระเยซู คืนชีพ ในเดือนเมษายน ปรากฎในหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ตั้งแต่เล่มแรก จนถึงเล่มล่าสุด แฮร์รี่ และ ผองเพื่อนมักใช้เวลาว่างไปกำกับทำกิจกรรมเกินคาดคิดอยู่เสมอๆ
วันเสาร์ - อาทิตย์ - นับว่าเป็นวันหยุดปกติอยู่แล้วสำหรับการเรียนการสอน ซึ่ง แฮร์รี่ พอตเตอร์ มักใช้เวลาช่วงนี้ในการฝึกซ้อม ควิดดิช และ พักผ่อน รวมถึงการไปเยี่ยม แฮกริด ที่กระท่อมด้วย
ค่าเงินในโลกเวทมนตร์
ในโลกเวทมนตร์ นับว่าเป็นโลกอีกแห่งที่การใช้จ่ายไม่เหมือนโลกมักเกิลปกติ เงินบาท , เงินปอร์น หรือ ดอลลาร์ พวกเขาไม่ใช้หรอก เขาใช้เหรียญบรอนซ์คนุตส์ เหรียญเงินซิกเกิ้ล และ เหรียญทองเกลเลียนต่างหาก
สงสัยหรือไมว่า แฮร์รี่ นำเงินมาจากไหน ? - แฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้นำเงินที่พ่อ กับ แม่ของเขาฝากไว้ให้เขาที่ธนาคาร กรินกร็อท ในการใช้จ่ายค่าเล่าเรียน อุปกรณ์การเรียนต่างๆ ซึ่งแน่ล่ะ ครอบครัวเดอส์ลีย์ไม่มีทางให้เงินค่าเรียนแน่ !
อัตราของเงินในโลกเวทมนตร์มีดังนี้
29 คนุตส์เท่ากับ 1 ซิกเกิ้ล และ 17 ซิเกิ้ลเท่ากับ 1 เกลเลียน
อัตราค่าแลกเปลี่ยนเงินในโลกเวทมนตร์ กับ เงินบาทไทย
1 บาท = 1.5 คนุตส์ และ 19 บาท = 1 ซิกเกิ้ล และ 323 บาท = 1 เกลเลียน
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคาถา
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคาถา
สิ่งที่จำเป็นต้องรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคาถา คือ ทฤษฎีทางการปฏิบัติ ซึ่งผมเองจะไม่กล่าวถึงทฤษฎีจากตำราเพราะอาจจะยืดยาวจนเบื่อกันไปจนไม่อ่าน แต่อย่างไรก็ตามต้องทราบเบื้องต้น ว่าเพื่ออะไร ทำไม อย่างไร ซะก่อน
นิยามเบื้องต้นเกี่ยวกับคำว่า คาถา
คาถา แปลว่า มนตร์หรือคำพูดที่เกิดจากอำนาจจิตเจตนา ทำให้เกิดผลไม่ทางใดก็ทางนึง อยู่ภายใต้อำนาจจิตเป็นตัวสั่งการให้คาถาอ่อน-แก่ ขลัง-ไม่ขลัง
ซึ่งนั่นแปลได้ว่า
1.คนที่จะร่ายคาถาได้ต้องมีการฝึกจิตเป็นเบื้องต้นอย่างน้อย 1 ชั่วโมงขึ้นไปติดต่อกันมากกว่า 3 วัน(สำหรับคาถาที่เป็นBasic)
2.คนที่จะร่ายคาถาได้จะต้องมีความมุ่งหมายและจุดประสงค์เพื่ออะไรบางอย่าง แต่ไม่ใช่เพื่อลองของ ลองดี พิสูจน์เพียงเพื่อทำให้ตนเองหรือผู้อื่นเชื่อ
3.คนที่ร่ายคาถาได้จะต้องไม่ใช้คาถาพร่ำเพรื่อแต่เพื่อสนองงานต่อธรรมชาติ คาถามีหลายแบบ อาจจะเป็นบทสวด บทสรรเสริญ บทวิงวอน หรือบทอ้างอิง อำนาจจากธรรมชาติเอง
โดยหลักการเบื้องต้นที่ควรรู้เกี่ยวกับคาถามีดังนี้
1.ไม่จำเป็นต้อง ทราบและจดจำคาถาทุกบท เว้นสียแต่คาถาที่ควรค่าต่อการจดจำเช่น คาถาโบราณ คำพูดศักดิ์สิทธิ์ คาถาที่ระบุใช้ในพิธีกรรมที่มีการบังคับไว้ ซึ่งอ้างอิงจากคาถาเกิดจากอำนาจจิต โดยในเบื้องต้นใช้อำนาจจิต คำพูด สร้างเงื่อนไขของคาถาได้
2.แม้ว่าผู้ที่ต้องการจะร่ายจะมีการฝึกจิตตามที่กล่าวไปข้างต้นอย่างสม่ำเสมอหากแต่ช่วงที่จะร่ายนั้นมีความไม่พร้อมทางเวทมนตณืหลายประการ เช่น ไม่ได้ฝึกจิต อ่อนเพลีย วันและเวลาไม่เป็นผลดีต่อการร่าย(เช่น วันร้ายที่ระบุ)
3.พิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนจะใช้คาถาทุกครั้ง เพราะแท้จริงธรรมชาติไม่ได้ต้องการให้เราใช้คาถา คาถาที่วิเศษที่สุด คือคำพูดที่สร้างสรรค์ความดีงาม ปลุกเร้าคุณธรรมในจิตใจต่างหาก นั่นคือคาถาที่มีอำนาจมนต์วิเศษ
4.บอกไว้เลยว่า ผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องคาถาไม่ใช่ผู้ที่เป็นเลิศที่สุดในทางเวทมนตร์ ผู้ที่แตกฉานในเรื่องจิตวิญญาณเท่านั้น ที่จะเข้าใจลึกซึ้งใน นามธรรม ละวางรูปธรรม ภักดีและขึ้นตรงต่อธรรมชาติผู้สร้างสรรพสิ่ง(ต้องขออภัยต่อบางท่านที่ผมต้องฟันธงไปเช่นนี้ หวังว่าคงเข้าใจจุดประสงค์)
5.การเริ่มก้าวที่คาถานั้นไม่ผิด แต่ต้องมีระบบการคิดที่ลึกซึ้งเข้าใจแตกฉานในพลังอำนาจอักษรแต่ละตัวที่มาถักทอเรียงต่อกัน ซึ่งหัวใจที่เชื่อมโยงระหว่างรูปธรรมคืออักษรกับนามธรรมคือจิตต้องประสานกันอย่างลงตัว อานุภาพอันยิ่งจะถูกปลดปล่อยออกมาดดยอ้างในอำนาจธรรมชาติ
6.ระลึกไว้เลยว่า ธรรมชาติไม่ให้พลังอำนาจแก่บุคคลที่ไม่สมควร ถามว่าแล้วทำไมพวกศาสตร์มืดได้ ผมคงต้องถามกลับว่า ความชั่ว ความมืดไม่เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติและกลไกธรรมชาติงั้นรึ อีกอย่างเค้ามีปัจจัยอื่นมากมายนที่ต่างจากเราจะไปยึดถือเลียนแบบมิได้
คำพูดที่ควรนำไปคิดต่อหรือจดจำเพื่อระลึก
**คาถาที่วิเศษที่สุด คือ คำพูดที่สร้างสรรค์ความดีงาม ปลุกเร้าคุณธรรมในจิตใจ ไม่มีคาถาใดที่ทำลายหรือลบเลือนคาถานี้ได้
**ธรรมชาติไม่ให้พลังอำนาจแก่บุคคลที่ไม่สมควรจะได้รับพลังอำนาจ การทำตนให้สมควรตามแบบของพ่อมดคือ การยึดถือในจุดมุ่งหมาย ทำความเข้าใจชีวิต รู้จักคิดอย่างมีเหตุผล หมั่นฝึกตนสม่ำเสมอ ไม่ละเมอไปตามกระแสที่ผ่านไปมา
สิ่งที่จำเป็นต้องรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคาถา คือ ทฤษฎีทางการปฏิบัติ ซึ่งผมเองจะไม่กล่าวถึงทฤษฎีจากตำราเพราะอาจจะยืดยาวจนเบื่อกันไปจนไม่อ่าน แต่อย่างไรก็ตามต้องทราบเบื้องต้น ว่าเพื่ออะไร ทำไม อย่างไร ซะก่อน
นิยามเบื้องต้นเกี่ยวกับคำว่า คาถา
คาถา แปลว่า มนตร์หรือคำพูดที่เกิดจากอำนาจจิตเจตนา ทำให้เกิดผลไม่ทางใดก็ทางนึง อยู่ภายใต้อำนาจจิตเป็นตัวสั่งการให้คาถาอ่อน-แก่ ขลัง-ไม่ขลัง
ซึ่งนั่นแปลได้ว่า
1.คนที่จะร่ายคาถาได้ต้องมีการฝึกจิตเป็นเบื้องต้นอย่างน้อย 1 ชั่วโมงขึ้นไปติดต่อกันมากกว่า 3 วัน(สำหรับคาถาที่เป็นBasic)
2.คนที่จะร่ายคาถาได้จะต้องมีความมุ่งหมายและจุดประสงค์เพื่ออะไรบางอย่าง แต่ไม่ใช่เพื่อลองของ ลองดี พิสูจน์เพียงเพื่อทำให้ตนเองหรือผู้อื่นเชื่อ
3.คนที่ร่ายคาถาได้จะต้องไม่ใช้คาถาพร่ำเพรื่อแต่เพื่อสนองงานต่อธรรมชาติ คาถามีหลายแบบ อาจจะเป็นบทสวด บทสรรเสริญ บทวิงวอน หรือบทอ้างอิง อำนาจจากธรรมชาติเอง
โดยหลักการเบื้องต้นที่ควรรู้เกี่ยวกับคาถามีดังนี้
1.ไม่จำเป็นต้อง ทราบและจดจำคาถาทุกบท เว้นสียแต่คาถาที่ควรค่าต่อการจดจำเช่น คาถาโบราณ คำพูดศักดิ์สิทธิ์ คาถาที่ระบุใช้ในพิธีกรรมที่มีการบังคับไว้ ซึ่งอ้างอิงจากคาถาเกิดจากอำนาจจิต โดยในเบื้องต้นใช้อำนาจจิต คำพูด สร้างเงื่อนไขของคาถาได้
2.แม้ว่าผู้ที่ต้องการจะร่ายจะมีการฝึกจิตตามที่กล่าวไปข้างต้นอย่างสม่ำเสมอหากแต่ช่วงที่จะร่ายนั้นมีความไม่พร้อมทางเวทมนตณืหลายประการ เช่น ไม่ได้ฝึกจิต อ่อนเพลีย วันและเวลาไม่เป็นผลดีต่อการร่าย(เช่น วันร้ายที่ระบุ)
3.พิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนจะใช้คาถาทุกครั้ง เพราะแท้จริงธรรมชาติไม่ได้ต้องการให้เราใช้คาถา คาถาที่วิเศษที่สุด คือคำพูดที่สร้างสรรค์ความดีงาม ปลุกเร้าคุณธรรมในจิตใจต่างหาก นั่นคือคาถาที่มีอำนาจมนต์วิเศษ
4.บอกไว้เลยว่า ผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องคาถาไม่ใช่ผู้ที่เป็นเลิศที่สุดในทางเวทมนตร์ ผู้ที่แตกฉานในเรื่องจิตวิญญาณเท่านั้น ที่จะเข้าใจลึกซึ้งใน นามธรรม ละวางรูปธรรม ภักดีและขึ้นตรงต่อธรรมชาติผู้สร้างสรรพสิ่ง(ต้องขออภัยต่อบางท่านที่ผมต้องฟันธงไปเช่นนี้ หวังว่าคงเข้าใจจุดประสงค์)
5.การเริ่มก้าวที่คาถานั้นไม่ผิด แต่ต้องมีระบบการคิดที่ลึกซึ้งเข้าใจแตกฉานในพลังอำนาจอักษรแต่ละตัวที่มาถักทอเรียงต่อกัน ซึ่งหัวใจที่เชื่อมโยงระหว่างรูปธรรมคืออักษรกับนามธรรมคือจิตต้องประสานกันอย่างลงตัว อานุภาพอันยิ่งจะถูกปลดปล่อยออกมาดดยอ้างในอำนาจธรรมชาติ
6.ระลึกไว้เลยว่า ธรรมชาติไม่ให้พลังอำนาจแก่บุคคลที่ไม่สมควร ถามว่าแล้วทำไมพวกศาสตร์มืดได้ ผมคงต้องถามกลับว่า ความชั่ว ความมืดไม่เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติและกลไกธรรมชาติงั้นรึ อีกอย่างเค้ามีปัจจัยอื่นมากมายนที่ต่างจากเราจะไปยึดถือเลียนแบบมิได้
คำพูดที่ควรนำไปคิดต่อหรือจดจำเพื่อระลึก
**คาถาที่วิเศษที่สุด คือ คำพูดที่สร้างสรรค์ความดีงาม ปลุกเร้าคุณธรรมในจิตใจ ไม่มีคาถาใดที่ทำลายหรือลบเลือนคาถานี้ได้
**ธรรมชาติไม่ให้พลังอำนาจแก่บุคคลที่ไม่สมควรจะได้รับพลังอำนาจ การทำตนให้สมควรตามแบบของพ่อมดคือ การยึดถือในจุดมุ่งหมาย ทำความเข้าใจชีวิต รู้จักคิดอย่างมีเหตุผล หมั่นฝึกตนสม่ำเสมอ ไม่ละเมอไปตามกระแสที่ผ่านไปมา
รูปแบบการพยากรณ์
รูปแบบการพยากรณ์
Belomancy --> การทำนายจากการยิงลูกศร
Chiromancy --> การทำนายจากลายมือ
Dactylomancy --> การทำนายจากการแกว่งเสี่ยงทายของแหวนที่แขวนไว้
Daphnomancy --> การทำนายจากการปะทุของใบไม้ที่เผา
Geloscopy --> การทำนายจากเสียงหัวเราะ
Lampadomancy --> การทำนายจากเปลวไฟในตะเกียง
Libranomancy --> การทำนายจากควันของเครื่องหอม
Lithomancy --> การทำนายจากไข่มุก
Margaritomancy --> การทำนายจากรอยย่นบนหน้าผาก
Phrenology --> การทำนายจากรูปร่างของกระโหลกศีรษะ
Belomancy --> การทำนายจากการยิงลูกศร
Chiromancy --> การทำนายจากลายมือ
Dactylomancy --> การทำนายจากการแกว่งเสี่ยงทายของแหวนที่แขวนไว้
Daphnomancy --> การทำนายจากการปะทุของใบไม้ที่เผา
Geloscopy --> การทำนายจากเสียงหัวเราะ
Lampadomancy --> การทำนายจากเปลวไฟในตะเกียง
Libranomancy --> การทำนายจากควันของเครื่องหอม
Lithomancy --> การทำนายจากไข่มุก
Margaritomancy --> การทำนายจากรอยย่นบนหน้าผาก
Phrenology --> การทำนายจากรูปร่างของกระโหลกศีรษะ
เวทมนตร์ / คาถา
คาถา ฟิเดลลิอัส ซ่อนความลับไว้ในวิญญาณของ ผู้รักษาความลับ
คาถา ดิสเซนดิอุม เปิดรูปปั้น
คาถา ทารันทัลเลกร้า คาถาเต้นรำ
คาถา เพสกิพิกซี่ เพสเตอร์โนมี่ คาถาหยุดตัวพิกซี่
คาถา เพ็ตตริฟิคัส โททาลัส สาปให้แขนขาติดกับลำตัว
คาถา เฟอรูล่า คาถาเสกผ้าพันแผล
คาถา โมบิลิคอร์ปัส คาถาย้ายผู้ที่ไม่สามารถเดินได้
คาถา โมบิลิอาบัส คาถาย้ายวัตถุสิ่งของ
คาถา ริกตัสเซมปร้า คาถาจี้เส้น
คาถา ริดดิคูลัส คาถาไล่บ็อกการ์ต
คาถา รีดัคโต คาถาทลายดาน
คาถา วิงการ์เดียม เลวีโอซ่า คาถาเสกให้สิ่งของลอย
คาถา ออบลิเวียต คาถาลบความจำขั้นรุนแรง
คาถา อ๊อบลิวิอาเต้ คาถาลบความจำ
คาถา อิมเปริโอ คาถาสะกดใจ
คาถา เอ็นกอร์จิโอ คาถาเสกให้ตัวพอง
คาถา แอ๊กซีโอ คาถาเรียกของ
คาถา อาโลโฮโมร่า คาถาสะเดาะกุญแจ
คาถา เอกซ์เปลลิอามัส คาถาปลดอาวุธ
คาถา อิมเพอร์วิอัส คาถาไล่น้ำ
คาถา อิมเปดิเมนต้า คาถาสกัดภัย
คาถา เอกซ์เปกโต พาโตรนุม คาถาเสกผู้พิทักษ์
คาถา สตูเปฟาย คาถาสะกดนิ่ง
คาถา ลูมอส คาถาจุดไฟที่ไม้กายสิทธิ์
คาถา น็อก คาถาดับไฟที่ไม้กายสิทธิ์
คาถา อินเซนดิโอ คาถาจุดไฟ
คาถา เฟอร์นันคูลัส คาถาเสกฝีหนอง
คาถา เด็นเซากีโอ คาถาเสกฟันให้ใหญ่ขึ้น
คาถา ออร์คิดดีอุส คาถาเสกดอกไม้
คาถา อาวิส คาถาเสกนก
คาถา โซโนรัส คาถาขยายเสียง
คาถา ไควเอตตัส คาถาถอนขยายเสียง
คาถา เอเนอร์วาเต้ เสกให้รู้สึกตัว
คาถา มอร์สมอร์เดร คาถาเสกตรามาร
คาถา ไพร-ออร์ อินคานตาโต้ คาถาตรวจสอบคาถาสุดท้าย จากไม้กายสิทธิ์
คาถา ชี้ทาง คาถาตรวจสอบทางที่ถูกต้องเมื่อ วางราบกับฝ่ามือ
คาถา อะวาดา เคดาฟ-รา คำสาปพิฆาต ใช้ปลิดชีพผู้คน และ สิ่งมีชีวิต
คาถา เซอร์เพ็นเซอร์เฮีย คาถาเสกงู
คาถา โลโคมอเตอร ์มอติส คาถาผูกขา
คาถา ไฟไนท์ อินคานทาเท็ม คลายคาถา
คาถา ครูซิโอ คำสาปกรีดแทง
คาถา เรดูซิโอ คาถาทำให้ตัวหดลง
คาถา เรส คาถาฟื้นหลัง
คาถา วาดดิสวาซี่ คาถาเสกของให้จู่โจมคนที่ต้องการ
คาถา อะพาเรซีอุม คาถาเสกหมึกล่องหนให้ปรากฏ
คาถา อะพาเรเต้ คาถาหายตัวไปยังที่ต่างๆ
คาถา ดิลิตริอัส คาถาสลายตัว ทำให้แตกเป็นส่วนๆ
คาถา โอคิวรัส เรพาโร คาถาซ่อมแซมสิ่งของ
คาถา รีลาชีโอ คาถาไล่คนออกไปห่างๆ
คาถา ดิฟฟินโด คาถาฉีกขาดให้แยกออกเป็นส่วนๆ
คาถา เรลาชีโอ เสกน้ำร้อนพุ่งไปหากรินดี้โลว์
คาถา ดวงตากระต่ายกับเสียงดีดพิณ เปลี่ยนน้ำส่วนนี้ให้เป็นรัม เสกน้ำให้กลายเป็นเหล้ารัม
คาถา สเกอจิฟาย คาถาทำความสะอาด
คาถา อีวาเนสโค คาถาอันตรธาน
คาถา ซิเลนซีโอ คาถาสงบเสียง
คาถา เลกจิลิเมนส์ คาถาอ่านใจ
คาถา อินคาเซอรัส คาถาเสกเชือก
คาถา ฟลาเกรต คาถาสร้างเครื่องหมายบนอากาศ
คาถา คอลโลพอร์ตัส คาถาล็อคกุญแจ
คาถา ไฟไนท์ คลายคาถา
คาถา โพรเทโก้ หักเหคาถา
คาถา พอร์ตัส คาถาเสกกุญแจนำทาง
คาถา อาแนปนีโอ คาถานี้เข้าใจว่าเป็นคาถาขยายหลอดลม เพราะใช้ตอนมีคนสำลัก
คาถา มัฟฟลิอาโต เป็รคาถาที่ทำให้ผู้คนรอบข้างไม่ได้ยินเสียงพูดของเราได้
คาถา สเปเซียอาลิส เรเวลิโอ คาถานี้เป็นคาถาแสดงตัว แต่ใช้กับการให้ส่วนประกอบทางเคมีแยกตัวออกจากกัน ตามกฎของสคาร์พิน
คาถา โฮเมนัม เรเวลิโอ คาถาแสดงตัวใช้กับมนุษย์
คาถา เอพิสกี้ เป็นคาถาซ่อมจมูก
คาถา เลวิโครพัส คนที่ถูกคาถาจะเหมือนกับถูกมือล่องหนจับห้อยหัวกลางอากาศ คาถานี้มีจุดพิมพ์ผิดด้วยนะครับ คือ เลวิโครพัส กับ เลวิครอพัส
คาถา ลิเบอราคอร์พัส เป็นคาถาต้านมนตร์ของเลวิโครพัส สังเกตคำว่าลิเบอรานะครับ มันน่าจะมาจากคำว่า libra ที่แปลว่า ตราชั่ง หรือคานสมดุล
คาถา อ๊อบพักโน เป็นคาถาที่เฮอร์ไมโอนี่ สั่งให้นกขมิ้นสีทองรุมทึ้งรอน
คาถา เซ็กตัมเซมปร้า คนที่ถูกคาถานี้ จะเหมือนโดนดาบล่องหนฟัน
คาถา เรนเนอวาเต้ เป็นคาถาที่ใช้ปลุกคนที่ที่โดนสะกดนิ่งด้วย สตูเปฟายครับ
คาถา ดิสเซนดิอุม เปิดรูปปั้น
คาถา ทารันทัลเลกร้า คาถาเต้นรำ
คาถา เพสกิพิกซี่ เพสเตอร์โนมี่ คาถาหยุดตัวพิกซี่
คาถา เพ็ตตริฟิคัส โททาลัส สาปให้แขนขาติดกับลำตัว
คาถา เฟอรูล่า คาถาเสกผ้าพันแผล
คาถา โมบิลิคอร์ปัส คาถาย้ายผู้ที่ไม่สามารถเดินได้
คาถา โมบิลิอาบัส คาถาย้ายวัตถุสิ่งของ
คาถา ริกตัสเซมปร้า คาถาจี้เส้น
คาถา ริดดิคูลัส คาถาไล่บ็อกการ์ต
คาถา รีดัคโต คาถาทลายดาน
คาถา วิงการ์เดียม เลวีโอซ่า คาถาเสกให้สิ่งของลอย
คาถา ออบลิเวียต คาถาลบความจำขั้นรุนแรง
คาถา อ๊อบลิวิอาเต้ คาถาลบความจำ
คาถา อิมเปริโอ คาถาสะกดใจ
คาถา เอ็นกอร์จิโอ คาถาเสกให้ตัวพอง
คาถา แอ๊กซีโอ คาถาเรียกของ
คาถา อาโลโฮโมร่า คาถาสะเดาะกุญแจ
คาถา เอกซ์เปลลิอามัส คาถาปลดอาวุธ
คาถา อิมเพอร์วิอัส คาถาไล่น้ำ
คาถา อิมเปดิเมนต้า คาถาสกัดภัย
คาถา เอกซ์เปกโต พาโตรนุม คาถาเสกผู้พิทักษ์
คาถา สตูเปฟาย คาถาสะกดนิ่ง
คาถา ลูมอส คาถาจุดไฟที่ไม้กายสิทธิ์
คาถา น็อก คาถาดับไฟที่ไม้กายสิทธิ์
คาถา อินเซนดิโอ คาถาจุดไฟ
คาถา เฟอร์นันคูลัส คาถาเสกฝีหนอง
คาถา เด็นเซากีโอ คาถาเสกฟันให้ใหญ่ขึ้น
คาถา ออร์คิดดีอุส คาถาเสกดอกไม้
คาถา อาวิส คาถาเสกนก
คาถา โซโนรัส คาถาขยายเสียง
คาถา ไควเอตตัส คาถาถอนขยายเสียง
คาถา เอเนอร์วาเต้ เสกให้รู้สึกตัว
คาถา มอร์สมอร์เดร คาถาเสกตรามาร
คาถา ไพร-ออร์ อินคานตาโต้ คาถาตรวจสอบคาถาสุดท้าย จากไม้กายสิทธิ์
คาถา ชี้ทาง คาถาตรวจสอบทางที่ถูกต้องเมื่อ วางราบกับฝ่ามือ
คาถา อะวาดา เคดาฟ-รา คำสาปพิฆาต ใช้ปลิดชีพผู้คน และ สิ่งมีชีวิต
คาถา เซอร์เพ็นเซอร์เฮีย คาถาเสกงู
คาถา โลโคมอเตอร ์มอติส คาถาผูกขา
คาถา ไฟไนท์ อินคานทาเท็ม คลายคาถา
คาถา ครูซิโอ คำสาปกรีดแทง
คาถา เรดูซิโอ คาถาทำให้ตัวหดลง
คาถา เรส คาถาฟื้นหลัง
คาถา วาดดิสวาซี่ คาถาเสกของให้จู่โจมคนที่ต้องการ
คาถา อะพาเรซีอุม คาถาเสกหมึกล่องหนให้ปรากฏ
คาถา อะพาเรเต้ คาถาหายตัวไปยังที่ต่างๆ
คาถา ดิลิตริอัส คาถาสลายตัว ทำให้แตกเป็นส่วนๆ
คาถา โอคิวรัส เรพาโร คาถาซ่อมแซมสิ่งของ
คาถา รีลาชีโอ คาถาไล่คนออกไปห่างๆ
คาถา ดิฟฟินโด คาถาฉีกขาดให้แยกออกเป็นส่วนๆ
คาถา เรลาชีโอ เสกน้ำร้อนพุ่งไปหากรินดี้โลว์
คาถา ดวงตากระต่ายกับเสียงดีดพิณ เปลี่ยนน้ำส่วนนี้ให้เป็นรัม เสกน้ำให้กลายเป็นเหล้ารัม
คาถา สเกอจิฟาย คาถาทำความสะอาด
คาถา อีวาเนสโค คาถาอันตรธาน
คาถา ซิเลนซีโอ คาถาสงบเสียง
คาถา เลกจิลิเมนส์ คาถาอ่านใจ
คาถา อินคาเซอรัส คาถาเสกเชือก
คาถา ฟลาเกรต คาถาสร้างเครื่องหมายบนอากาศ
คาถา คอลโลพอร์ตัส คาถาล็อคกุญแจ
คาถา ไฟไนท์ คลายคาถา
คาถา โพรเทโก้ หักเหคาถา
คาถา พอร์ตัส คาถาเสกกุญแจนำทาง
คาถา อาแนปนีโอ คาถานี้เข้าใจว่าเป็นคาถาขยายหลอดลม เพราะใช้ตอนมีคนสำลัก
คาถา มัฟฟลิอาโต เป็รคาถาที่ทำให้ผู้คนรอบข้างไม่ได้ยินเสียงพูดของเราได้
คาถา สเปเซียอาลิส เรเวลิโอ คาถานี้เป็นคาถาแสดงตัว แต่ใช้กับการให้ส่วนประกอบทางเคมีแยกตัวออกจากกัน ตามกฎของสคาร์พิน
คาถา โฮเมนัม เรเวลิโอ คาถาแสดงตัวใช้กับมนุษย์
คาถา เอพิสกี้ เป็นคาถาซ่อมจมูก
คาถา เลวิโครพัส คนที่ถูกคาถาจะเหมือนกับถูกมือล่องหนจับห้อยหัวกลางอากาศ คาถานี้มีจุดพิมพ์ผิดด้วยนะครับ คือ เลวิโครพัส กับ เลวิครอพัส
คาถา ลิเบอราคอร์พัส เป็นคาถาต้านมนตร์ของเลวิโครพัส สังเกตคำว่าลิเบอรานะครับ มันน่าจะมาจากคำว่า libra ที่แปลว่า ตราชั่ง หรือคานสมดุล
คาถา อ๊อบพักโน เป็นคาถาที่เฮอร์ไมโอนี่ สั่งให้นกขมิ้นสีทองรุมทึ้งรอน
คาถา เซ็กตัมเซมปร้า คนที่ถูกคาถานี้ จะเหมือนโดนดาบล่องหนฟัน
คาถา เรนเนอวาเต้ เป็นคาถาที่ใช้ปลุกคนที่ที่โดนสะกดนิ่งด้วย สตูเปฟายครับ
พืชสมุนไพรในหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์
แฮร์รี่ พอตเตอร์ และ เพื่อนๆ ต้องเรียนวิชาสมุนไพรศาสตร์ พืชบางชนิดที่กล่าวถึงมีอยู่ในโลกจริงๆ ส่วนบางชนิดเป็นพืชวิเศษที่มีอยู่ในจินตนาการ บางชนิดอยู่ก้ำกึ่งระหว่างของจริงกับนิยาย ถ้าเป็นพืชในจินตนาการของ เจเค โรลลิ่ง จะมีคำว่า JK. อยู่หลังชื่อสมุนไพรนั้นๆ แต่ถ้าไม่มี จะเป็นพืชที่มีอยู่จริง
Abyssinian Shrivelfig (ต้นมะเดื่อจากอบิสสีเนีย) JK.
นักเรียนสมันไพรศาสตร์ปีที่ 2 ต้องทำงานกับเจ้าต้นนี้โดยเรียนรู้ที่จะเล็มต้นมะเดื่อจากอบิสสีเนีย (ห้องแห่งความลับ -15) เปลือกของชริฟเวลฟิกเป็นส่วนผสมของน้ำยาหดตัว (อัซคาบัน -7)
Aconite (อะโคไนต์) หรือ Monkshood, Wlfbane
อะโคไนต์ เป็นพืชที่มีพิษอย่างร้ายแรง จึงเป็นที่มาของชื่อ Wolfbane ส่วนชื่อ Monkshood ได้มาจากรูปทรงของดอก (พืชชนิดนี้นำมาเป็นส่วนผสมของน้ำมันที่ใช้นวดข้อต่อที่เจ็บปวด แต่ถ้ากลืนหรือซึมซับผ่านผิวหนังที่แตกโดยตรงอาจทำให้ตายได้)
Asphodel (อัลโฟเดล)
เป็นส่วนผสมที่เป็นกุญแจสำคัญของยานอนหลับชนิดแรงมากที่รู้จักกันในชื่อของยาตายทั้งเป็น (ศิลาอาถรรพ์ -8) สเนปลองภูมิแฮร์รี่ในชั่วโมงแรกของวิชาปรุงยา พืชชนิดนี้มีความเกี่ยวพันกับชีวิตหลังความตายและยมโลก
Belladonna (เบลล่าดอนน่า)
พืชที่มีพิษชนิดนี้เป็นส่วนหนึ่งของชุดอุปกรณ์ปรุงยามาตรฐานของนักเรียนฮอกวอตส์
Bouncing Bulcs (หัวต้นกระเด้งดึ๋ง) JK.
ในการย้ายกระถางที่ปลูก เจ้าต้นนี้ดิ้นหลุดจากมือแฮร์รี่และฟาดหน้าเขา (ถ้วยอัคนี - 18)
Bubotuber (บิวโบทูบเบอร์) JK.
บิวโบทูบเบอร์ มีลักษณะเหมืองหอยทากยักษ์สีดำ โดยโผล่พ้นดินตามแนวตั้ง มันมีตุ่มขาดใหญ่เป็นมันหลายตุ่ม ซึ่งมีหนองข้นสีเขียวอมเหลืองอยู่ข้างใน กลิ่นเหมือนน้ำมัน (ถ้วยอัคนี - 13) หนองบิวโบทูเบอร์จะระคายผิว (ถ้วยอัคนี - 28) แต่เมื่อเจือจางให้เหมาะสมแล้วจะนำไปใช้เป็นยาแก้สิวชะงัดนัก (ถ้วยอัคนี - 13
Cabbage (กระหล่ำปลี)
แฮกริดได้ปลูกแปลงกระหล่ำสำหรับฮอกวอตส์ เพื่อเป็นแหล่งอาหารให้แก่ครัว ตามที่แฮกริดเล่า ตัวทากกินเนื้อเข้ามาทำลายกระหล่ำปลี (ห้องแห่งความลับ - 4)
Dalsy (เดซี่)
รากของมันเป็นส่วนผสมในน้ำยาหดตัว (นักโทษแห่งอัซคาบัน - 7)
Devil's Snare (กับดักมาร) JK.
กับดักมารมีองค์ประกอบที่ค่อนข้างนุ่ม ซึ่งมีงวงหรือเถาที่จะวัดคนที่ไปสัมผัสมัน ยิ่งต่อสู้ดิ้นรนมากเท่าไหร่ มันจะยิ่งรัดมากขึ้นเท่านั้น กับดักมารที่ชอบชื้นแฉะและมืด เถาของมันจะหดตัวออกจากไฟ ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ใช้คาถาลูเบลล์เฟลมสร้างไฟสีน้ำเงินขับกับดักมารที่กำลังรัดแฮร์รี่และรอน (ศิลาอาถรรพ์ -16)
อีกครั้งที่กับดักมารมีบทบาทคือในภาค 5 ชินส่วนของมันถูกใช้เพื่อฆาตกรรม บรอเดอริค โบเด ในเซนต์มังโกซึ่งปรากฎเป็นข่าวในเดลี่ฟรอเฟ็ต (ภาคีนกฟินิกซ์ -22 , ภาคีนกฟินิกซ์ - 25)
Dittany (ดิตทานี)
หนึ่งในพืชที่อยู่ในตำราสมุนไพรและเห็ดราวิเศษหนึ่งพันชนิด (ศิลาอาถรรพ์ - 14) ในอดีตเชื่อว่ามันมีพลังวิเศษ
Fanged Geranium (เขี้ยวเจอราเนียม) JK.
พืชชนิดนี้สามารถกัดคนได้ (ภาคีนกฟินิกซ์ - 31) Fang แปลว่า "เขี้ยวสัตว์" ส่วนเจอราเนียมเป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีอยู่จริง
Filitterbloom (ฟลิตเตอบลูม) JK.
พืชชนิดนี้มีลักษณะเหมือนกับดักมารอย่างมากแต่ไม่ดุร้าย ซึ่งมิเรียม สเตร้าท์ สำคัญผิดว่ากับดักมารที่ฆ่าบรอเดอริก โบเด เป็นฟลิตเดอบลูม (ภาคีนกฟินิกซ์ - 22,25)
Flutterby Bush (พุ่มระริกไหว) JK.
พุ่มไม้นี้สั่นและเขย่าในชั้นเรียนสมุนไพรศาสตร์ นักเรียนจะต้องเร็มเจ้าต้นนี้ (ถ้วยอัคนี - 20)
Fluxweed (หญ้าน้ำประสาร)
พืชชนิดนี้หาได้ยากในอังกฤษ มันมีส่วนผสมของน้ำยาสรรพรส หญ้าน้ำประสานต้องเก็บในคืนวันเพ็ญเท่านั้น (ห้องแห่งความลับ - 10,11)
Gillyweed (หญ้าเหงือกปลา)
เป็นของพื้นเมือแถบเมติเตอร์เรเนียน พืชน้ำชนิดนี้มีลักษณะเหมือนหางหนู สีเขียวอมเทา มีเมือกมันที่รวมกันเป็นกระจุก เมื่อเคี้ยวและกลืนลงไป มันจะสร้างเหงือกทำให้สามารถหายใจในน้ำได้ นอกจากนั้นยังสร้างผังผืดที่มือเท้าทำให้มีครีบเหมือนปลา หญ้าเหงือกปลาจะออกฤทธิ์ได้ 1 ชั่วโมง ซึ่งทำให้แฮร์รี่สามารถลงไปช่วยรอนในทะเลสาบได้ในภารกิจที่ 2 ของการประลองเวทย์ไตรภาคี สเนปเก็บหญ้าชนิดนี้ไว้ในที่เก็บส่วนตัว แต่ด็อบบี้ขโมยมาให้แฮร์รี่ (ถ้วยอัคนี -26)
Ginger (ขิง)
รากขิงเป็นส่วนประกอบของยาปัญญาเฉียบ (ถ้วยอัคนี -27)
Hellebore (เฮลลีบอร์)
พืชที่มีพิษ ซึ่งเป็นส่วนผสมที่แฮร์รี่ลืมเติมลงในยาแห่งสันติ (ภาคีนกฟินิกซ์ - 12)
Holly (ฮอลลี่)
ต้นไม้ที่มีคุณสมบัติในการนำมาทำเป็นไม้วิเศษ ฮอลลี่เป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นคืนชีพ (ต้นไม้ชนิดนี้นำมาประดับประตูหน้าต่างในเทศกาลคริสต์มาส)
ไม้กายสิทธิ์ของแฮร์รี่เป็นหนึ่งเดียวที่ทำจากต้นฮอลลี่ (ศิลาอาถรรพ์ - 5)
Honking Daffodil (แดฟโฟดิล)
ศาสตราจารย์สเปราต์มีอยู่ในเรือนกระจก (แดฟโฟดิลเป็นดอกไม้จำพวกจุ๊บเชียงสีเหลือง)
Hornbeam (ฮอร์นบีม)
ต้นไม้ที่มีคุณสมบัติในการทำเป็นไม้วิเศษ
ไม้กายสิทธิ์ของวิคเตอร์ ครัม ทำมาจากฮอร์นบีม
Knotgrass (หญ้าปม)
เป็นส่วนผสมหนึ่งในน้ำยาสรรพรส (ห้องแห่งความลับ - 10,11)
Leaping Toadstool (มูลคางคกกระโดด)
ในชั้นสมุนไพรปีที่ 2 ซึ่งนักเรียนต้องทำงานด้วย (ห้องแห่งความลับ - 14) Toadstoll เป็นเห็ดชนิดหนึ่ง ส่วน Leap แปลว่า กระโดด
Lovage
ใช้ในยาสับสนและมึนตึง (ภาคีนกฟินิกซ์ - 18)
Mallowsweet (มอลโลว์สวีท)
เซ็นทอร์เผาสิ่งนี้ และสังเกตควันและเปลวเพื่อช่วยแปลผลของการดูดาว (ภาคีนกฟินิกซ์ - 27)
Mandrake (แมนเดรก)
แมนแดรกเป็นส่วนผสมสำคัญที่ใช้ในยาแก้พิษส่วนใหญ่ โดยเฉพาะช่วยให้คนที่ถูกสาปหรือถูกแปลงร่างกลับคืนสภาพเดิมได้ ดังนั้นดัมเบิลดอร์จึงให้ศาสตราจารย์สเปราต์เลี้ยงแมนเดรกเพื่อใช้เป็นยารักษาคนที่กลายเป็นหิน เนื่องจากบาซิลิสก์ แมนเดรกมีอันตรายอย่างยิ่งยวดเนื่องจากเสียงร้องของมัน เชื่อกันว่ามีผีสิงอยู่ที่รากของแมนเดรก ซึ่งหากถอนขึ้นมา ผีจะกรีดร้องโหยหวนและทำให้คนที่ได้ยินถึงตายได้
แมนเดรกเป็นพืชที่มีอยู่ในโลกจริงๆ แมนเดรกมักถูกเรียกว่าแมนดราโกรา ในขณะที่อาหรับเรียกว่าแอปเปิ้ลของซาตาน แมนดราโกราเป็นคำที่มาจากภาษากรีกมีความหมายว่าเป็นอันตรายต่อปศุสัตว์ เชื่อกันว่าถ้าให้สตรีกินเข้าไปแล้วจะตั้งครรภ์ ในคัมภีร์ไบเบิลจากหนังสือปฐมกาล กล่าวถึงต้นแมนเดรก (ไบเบิลฉบับภาษาไทยแปลว่า "มะเขือดูดาอิม") ว่านางราเซลขอต้นไม้นี้มาจากพี่สาวที่ชื่อนางเลอาห์ เพราะราเชลยังไมีมีลูก ต่อมาภายหลังนางราเชลก็มีลูก และตำนานอื่นๆเล่า ต้นนี้เป็นพืชที่มีความสัมพันธ์กับความเสเพล และความยั่วยวนของเทวีวีนัส
แมนเดรกเป็นพืชสมุนไพรที่ปราศจากลำต้น มันมีรากใหญ่สีน้ำตาลและมีใบสีเขียว มันมีความสูงประมาณ 4 นิ้ว แมนเดรกออกดอกในช่วงมีนาคมถึงเมษายน และมีผลในช่วงฤดูร้อนดอกมีสีแตกต่างกันตั้งแต่ขาวถึงเหลือง มีรูปทรงคล้ายถ้วย แมนเดรกเป็นพืชพื้นเมืองของหิมาลายาและเมดิเตอร์เรเนียน
Maple (เมเปิล)
ต้นไม้ชนิดนี้มีคุณสมบัติในการนำไปทำเป็นไม้วิเศษ (ศิลาอาถรรพ์ - 5)
Mahogany (มะฮอกกานี)
ต้นไม้ชนิดนี้ มีคุณสมบัติในการนำไปทำเป็นไม้วิเศษ (ศิลาอาถรรพ์ - 5,7)
ไม้วิเศษอันแรกของเจมส์ พอตเตอร์ทำมาจากไม้มะฮอกกานี ตามที่มิสเตอร์โอลิแวนเดอร์สาธยายไม้ชนิดนี้มีคุณสมบัติดัดงอง่าย และดีเยี่ยมสำหรับการใช้แปลงร่าง
เจเค โรว์ลิ่ง กล่าวไว้ว่าถ้าเธอมีไม้กายสิทธิ์มันควรเป็นไม้มะฮอกกานีที่มีขนหากฟินิกซ์เป็นแกนกลาง
Mimbulus Mimbletonia JK.
เป็นสิ่งที่หายากเป็นของพื้นเมืองของอัสซีเรีย พืชชนิดนี้คล้ายกระบองเพชรเทา เนวิลล์ ลองบัตท่อมได้มันมาจากลุงอัลจี้เป็นของขวัญวันเกิดปีที่ 15 (ภาคีนกฟินิกซ์ - 15)
Nettle (ขนเม่น)
เป็นพันธ์ไม้ที่มีขนคันคล้ายตำแย เป็นส่วนผสมพื้นฐานยารักษาฝี (ศิลาอาถรรพ์ - 8)
Oak (โอ๊ก)
ต้นไม้ชนิดนี้มีคุณสมบัติในการนำไปทำเป็นไม้กายสิทธิ์ โอ๊กเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง ไม้วิเศษของแฮกริดทำจากไม้โอ๊ก (ศิลาอาถรรพ์ - 5)
Privet (พรีเว็ต) JK.
พันธ์ไม้ที่ปลูกบริเวณชานเมืองของพวกมักเกิ้ลเป็นรั้วไม้เตี้ยๆ
Puffapod (พัฟฟาพ็อต)
ฝักอ้วนสีชมพูที่มีเมล็ดเป็นมันวาว มันจะแตกเป็นดอกไม้เมื่อมันตกพื้น (นักโทษแห่งอัซคาบัน - 8)
Pumkim (ฟักทอง)
แฮกริดปลูกแปลงฟักทองไว้นอกกระท่อม ซึ่งผลฟักทองนิยมนำไปประดับในงานฮัลโลวีน
Rosewood (พะยูง)
โรสวู๊ดหรือไม้พะยู ต้นไม้ชนิดนี้มีคุณสมบัติในการนำไปทำเป็นไม้กายสิทธิ์ (ศิลาอาถรรพ์ - 5) ไม้กายสิทธิ์ของเฟลอร์ เดอลากูร์ทำจากไม้โรสวู้ด
Sage (ไม้จำพวกผกากรอง)
เซนทอร์เผาสิ่งนี้ และสังเกตควันและเฟลวไฟเพื่อช่วยแปลผลของการดูดาว (ภาคีนกฟินิกซ์ - 27)
Scurvy - grass
ใช้ในยาสับสนและมึนตึง
Sneezewort
ใช้ในยาสับสนและมึนตึง
Umbrella - sizes Flowers (ดอกไม้ยักษ์ขนาดเท่าร่ม) JK.
แขวนอยู่บนเพดานของเรือนกระจกหมายเลข 3 (ห้องแห่งความลับ - 6)
Vanonous Tentacula (แทนทะคูเลอะมีพิษ)
ต้นไม้สีแดงคล้ำๆซึ่งมีฟัน ชอบยื่นเถาไปยังผู้คน (ห้องแห่งความลับ - 6)
Willow (วิลโลว์)
ต้นไม้ชนิดนี้ มีคุณสมบัติในการนำไปทำเป็นไม้วิเศษ
ไม้กายสิทธิ์ของลิลลี่ แม่ของแฮร์รี่ทำจากต้นวิลโลว์ (ศิลาอาถรรพ์ - 5) ไม้กายสิทธิ์ของรอนก็ทำมาจากต้นวิลโลว์ (นักโทษแห่งอัซคาบัน)
Whomping Willow (ต้นวิลโลว์จอมหวด) JK.
เป็นพืชพันธ์เดียวกับวิลโลว์ แต่ใหญ่กว่า และดุร้ายกว่าเมื่อมีสิ่งใดเข้าไปใกล้ (ห้องแห่งความลับ , นักโทษแห่งอัซคาบัน)
Wolfbane (วูลฟ์เบน)
ดู Aconite
Wormwood (วอร์มวู๊ด)
เป็นส่วนผสมของยานอนหลับที่แรงมากที่รู้จักกันในชื่อยาตายทั้งเป็ฯ สมุนไพรชนิดนี้ เป็นคำถามแรกที่สเนปถามแฮร์รี่ในชั่วโมงแรกของชั้นเรียนวิชาปรุงยา (ศิลาอาถรรพ์ - 8)
Yew (ยิว)
ต้นไม้ชนิดนี้มีคุณสมบัติในการนำไปทำเป็นไม้กายสิทธิ์ ต้นยิวเป็นสัญลักษณ์ของความตายและการคืนชีพ ไม้นี้มีความทนทานต่อการผุพังอย่างดีเยี่ยม ต้นยิวปลูกในลานโบสถ์ที่ลิตเติลแฮงกลีตัน (ถ้วยอัคนี) และต้นยิวเติบโตในป่าต้องห้าม แฮกริดได้สังเกตมันได้ชัดเจนเมื่อแฮกริดสอนปีห้าเกี่ยวกับธีสทรัล (ภาคีนกฟินิกซ์)
ไม้กายสิทธิ์ของทอม ริดเดิ้ล ทำมาจากไม้ยิว (ศิลาอาถรรพ์ - 5)
Abyssinian Shrivelfig (ต้นมะเดื่อจากอบิสสีเนีย) JK.
นักเรียนสมันไพรศาสตร์ปีที่ 2 ต้องทำงานกับเจ้าต้นนี้โดยเรียนรู้ที่จะเล็มต้นมะเดื่อจากอบิสสีเนีย (ห้องแห่งความลับ -15) เปลือกของชริฟเวลฟิกเป็นส่วนผสมของน้ำยาหดตัว (อัซคาบัน -7)
Aconite (อะโคไนต์) หรือ Monkshood, Wlfbane
อะโคไนต์ เป็นพืชที่มีพิษอย่างร้ายแรง จึงเป็นที่มาของชื่อ Wolfbane ส่วนชื่อ Monkshood ได้มาจากรูปทรงของดอก (พืชชนิดนี้นำมาเป็นส่วนผสมของน้ำมันที่ใช้นวดข้อต่อที่เจ็บปวด แต่ถ้ากลืนหรือซึมซับผ่านผิวหนังที่แตกโดยตรงอาจทำให้ตายได้)
Asphodel (อัลโฟเดล)
เป็นส่วนผสมที่เป็นกุญแจสำคัญของยานอนหลับชนิดแรงมากที่รู้จักกันในชื่อของยาตายทั้งเป็น (ศิลาอาถรรพ์ -8) สเนปลองภูมิแฮร์รี่ในชั่วโมงแรกของวิชาปรุงยา พืชชนิดนี้มีความเกี่ยวพันกับชีวิตหลังความตายและยมโลก
Belladonna (เบลล่าดอนน่า)
พืชที่มีพิษชนิดนี้เป็นส่วนหนึ่งของชุดอุปกรณ์ปรุงยามาตรฐานของนักเรียนฮอกวอตส์
Bouncing Bulcs (หัวต้นกระเด้งดึ๋ง) JK.
ในการย้ายกระถางที่ปลูก เจ้าต้นนี้ดิ้นหลุดจากมือแฮร์รี่และฟาดหน้าเขา (ถ้วยอัคนี - 18)
Bubotuber (บิวโบทูบเบอร์) JK.
บิวโบทูบเบอร์ มีลักษณะเหมืองหอยทากยักษ์สีดำ โดยโผล่พ้นดินตามแนวตั้ง มันมีตุ่มขาดใหญ่เป็นมันหลายตุ่ม ซึ่งมีหนองข้นสีเขียวอมเหลืองอยู่ข้างใน กลิ่นเหมือนน้ำมัน (ถ้วยอัคนี - 13) หนองบิวโบทูเบอร์จะระคายผิว (ถ้วยอัคนี - 28) แต่เมื่อเจือจางให้เหมาะสมแล้วจะนำไปใช้เป็นยาแก้สิวชะงัดนัก (ถ้วยอัคนี - 13
Cabbage (กระหล่ำปลี)
แฮกริดได้ปลูกแปลงกระหล่ำสำหรับฮอกวอตส์ เพื่อเป็นแหล่งอาหารให้แก่ครัว ตามที่แฮกริดเล่า ตัวทากกินเนื้อเข้ามาทำลายกระหล่ำปลี (ห้องแห่งความลับ - 4)
Dalsy (เดซี่)
รากของมันเป็นส่วนผสมในน้ำยาหดตัว (นักโทษแห่งอัซคาบัน - 7)
Devil's Snare (กับดักมาร) JK.
กับดักมารมีองค์ประกอบที่ค่อนข้างนุ่ม ซึ่งมีงวงหรือเถาที่จะวัดคนที่ไปสัมผัสมัน ยิ่งต่อสู้ดิ้นรนมากเท่าไหร่ มันจะยิ่งรัดมากขึ้นเท่านั้น กับดักมารที่ชอบชื้นแฉะและมืด เถาของมันจะหดตัวออกจากไฟ ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ใช้คาถาลูเบลล์เฟลมสร้างไฟสีน้ำเงินขับกับดักมารที่กำลังรัดแฮร์รี่และรอน (ศิลาอาถรรพ์ -16)
อีกครั้งที่กับดักมารมีบทบาทคือในภาค 5 ชินส่วนของมันถูกใช้เพื่อฆาตกรรม บรอเดอริค โบเด ในเซนต์มังโกซึ่งปรากฎเป็นข่าวในเดลี่ฟรอเฟ็ต (ภาคีนกฟินิกซ์ -22 , ภาคีนกฟินิกซ์ - 25)
Dittany (ดิตทานี)
หนึ่งในพืชที่อยู่ในตำราสมุนไพรและเห็ดราวิเศษหนึ่งพันชนิด (ศิลาอาถรรพ์ - 14) ในอดีตเชื่อว่ามันมีพลังวิเศษ
Fanged Geranium (เขี้ยวเจอราเนียม) JK.
พืชชนิดนี้สามารถกัดคนได้ (ภาคีนกฟินิกซ์ - 31) Fang แปลว่า "เขี้ยวสัตว์" ส่วนเจอราเนียมเป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีอยู่จริง
Filitterbloom (ฟลิตเตอบลูม) JK.
พืชชนิดนี้มีลักษณะเหมือนกับดักมารอย่างมากแต่ไม่ดุร้าย ซึ่งมิเรียม สเตร้าท์ สำคัญผิดว่ากับดักมารที่ฆ่าบรอเดอริก โบเด เป็นฟลิตเดอบลูม (ภาคีนกฟินิกซ์ - 22,25)
Flutterby Bush (พุ่มระริกไหว) JK.
พุ่มไม้นี้สั่นและเขย่าในชั้นเรียนสมุนไพรศาสตร์ นักเรียนจะต้องเร็มเจ้าต้นนี้ (ถ้วยอัคนี - 20)
Fluxweed (หญ้าน้ำประสาร)
พืชชนิดนี้หาได้ยากในอังกฤษ มันมีส่วนผสมของน้ำยาสรรพรส หญ้าน้ำประสานต้องเก็บในคืนวันเพ็ญเท่านั้น (ห้องแห่งความลับ - 10,11)
Gillyweed (หญ้าเหงือกปลา)
เป็นของพื้นเมือแถบเมติเตอร์เรเนียน พืชน้ำชนิดนี้มีลักษณะเหมือนหางหนู สีเขียวอมเทา มีเมือกมันที่รวมกันเป็นกระจุก เมื่อเคี้ยวและกลืนลงไป มันจะสร้างเหงือกทำให้สามารถหายใจในน้ำได้ นอกจากนั้นยังสร้างผังผืดที่มือเท้าทำให้มีครีบเหมือนปลา หญ้าเหงือกปลาจะออกฤทธิ์ได้ 1 ชั่วโมง ซึ่งทำให้แฮร์รี่สามารถลงไปช่วยรอนในทะเลสาบได้ในภารกิจที่ 2 ของการประลองเวทย์ไตรภาคี สเนปเก็บหญ้าชนิดนี้ไว้ในที่เก็บส่วนตัว แต่ด็อบบี้ขโมยมาให้แฮร์รี่ (ถ้วยอัคนี -26)
Ginger (ขิง)
รากขิงเป็นส่วนประกอบของยาปัญญาเฉียบ (ถ้วยอัคนี -27)
Hellebore (เฮลลีบอร์)
พืชที่มีพิษ ซึ่งเป็นส่วนผสมที่แฮร์รี่ลืมเติมลงในยาแห่งสันติ (ภาคีนกฟินิกซ์ - 12)
Holly (ฮอลลี่)
ต้นไม้ที่มีคุณสมบัติในการนำมาทำเป็นไม้วิเศษ ฮอลลี่เป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นคืนชีพ (ต้นไม้ชนิดนี้นำมาประดับประตูหน้าต่างในเทศกาลคริสต์มาส)
ไม้กายสิทธิ์ของแฮร์รี่เป็นหนึ่งเดียวที่ทำจากต้นฮอลลี่ (ศิลาอาถรรพ์ - 5)
Honking Daffodil (แดฟโฟดิล)
ศาสตราจารย์สเปราต์มีอยู่ในเรือนกระจก (แดฟโฟดิลเป็นดอกไม้จำพวกจุ๊บเชียงสีเหลือง)
Hornbeam (ฮอร์นบีม)
ต้นไม้ที่มีคุณสมบัติในการทำเป็นไม้วิเศษ
ไม้กายสิทธิ์ของวิคเตอร์ ครัม ทำมาจากฮอร์นบีม
Knotgrass (หญ้าปม)
เป็นส่วนผสมหนึ่งในน้ำยาสรรพรส (ห้องแห่งความลับ - 10,11)
Leaping Toadstool (มูลคางคกกระโดด)
ในชั้นสมุนไพรปีที่ 2 ซึ่งนักเรียนต้องทำงานด้วย (ห้องแห่งความลับ - 14) Toadstoll เป็นเห็ดชนิดหนึ่ง ส่วน Leap แปลว่า กระโดด
Lovage
ใช้ในยาสับสนและมึนตึง (ภาคีนกฟินิกซ์ - 18)
Mallowsweet (มอลโลว์สวีท)
เซ็นทอร์เผาสิ่งนี้ และสังเกตควันและเปลวเพื่อช่วยแปลผลของการดูดาว (ภาคีนกฟินิกซ์ - 27)
Mandrake (แมนเดรก)
แมนแดรกเป็นส่วนผสมสำคัญที่ใช้ในยาแก้พิษส่วนใหญ่ โดยเฉพาะช่วยให้คนที่ถูกสาปหรือถูกแปลงร่างกลับคืนสภาพเดิมได้ ดังนั้นดัมเบิลดอร์จึงให้ศาสตราจารย์สเปราต์เลี้ยงแมนเดรกเพื่อใช้เป็นยารักษาคนที่กลายเป็นหิน เนื่องจากบาซิลิสก์ แมนเดรกมีอันตรายอย่างยิ่งยวดเนื่องจากเสียงร้องของมัน เชื่อกันว่ามีผีสิงอยู่ที่รากของแมนเดรก ซึ่งหากถอนขึ้นมา ผีจะกรีดร้องโหยหวนและทำให้คนที่ได้ยินถึงตายได้
แมนเดรกเป็นพืชที่มีอยู่ในโลกจริงๆ แมนเดรกมักถูกเรียกว่าแมนดราโกรา ในขณะที่อาหรับเรียกว่าแอปเปิ้ลของซาตาน แมนดราโกราเป็นคำที่มาจากภาษากรีกมีความหมายว่าเป็นอันตรายต่อปศุสัตว์ เชื่อกันว่าถ้าให้สตรีกินเข้าไปแล้วจะตั้งครรภ์ ในคัมภีร์ไบเบิลจากหนังสือปฐมกาล กล่าวถึงต้นแมนเดรก (ไบเบิลฉบับภาษาไทยแปลว่า "มะเขือดูดาอิม") ว่านางราเซลขอต้นไม้นี้มาจากพี่สาวที่ชื่อนางเลอาห์ เพราะราเชลยังไมีมีลูก ต่อมาภายหลังนางราเชลก็มีลูก และตำนานอื่นๆเล่า ต้นนี้เป็นพืชที่มีความสัมพันธ์กับความเสเพล และความยั่วยวนของเทวีวีนัส
แมนเดรกเป็นพืชสมุนไพรที่ปราศจากลำต้น มันมีรากใหญ่สีน้ำตาลและมีใบสีเขียว มันมีความสูงประมาณ 4 นิ้ว แมนเดรกออกดอกในช่วงมีนาคมถึงเมษายน และมีผลในช่วงฤดูร้อนดอกมีสีแตกต่างกันตั้งแต่ขาวถึงเหลือง มีรูปทรงคล้ายถ้วย แมนเดรกเป็นพืชพื้นเมืองของหิมาลายาและเมดิเตอร์เรเนียน
Maple (เมเปิล)
ต้นไม้ชนิดนี้มีคุณสมบัติในการนำไปทำเป็นไม้วิเศษ (ศิลาอาถรรพ์ - 5)
Mahogany (มะฮอกกานี)
ต้นไม้ชนิดนี้ มีคุณสมบัติในการนำไปทำเป็นไม้วิเศษ (ศิลาอาถรรพ์ - 5,7)
ไม้วิเศษอันแรกของเจมส์ พอตเตอร์ทำมาจากไม้มะฮอกกานี ตามที่มิสเตอร์โอลิแวนเดอร์สาธยายไม้ชนิดนี้มีคุณสมบัติดัดงอง่าย และดีเยี่ยมสำหรับการใช้แปลงร่าง
เจเค โรว์ลิ่ง กล่าวไว้ว่าถ้าเธอมีไม้กายสิทธิ์มันควรเป็นไม้มะฮอกกานีที่มีขนหากฟินิกซ์เป็นแกนกลาง
Mimbulus Mimbletonia JK.
เป็นสิ่งที่หายากเป็นของพื้นเมืองของอัสซีเรีย พืชชนิดนี้คล้ายกระบองเพชรเทา เนวิลล์ ลองบัตท่อมได้มันมาจากลุงอัลจี้เป็นของขวัญวันเกิดปีที่ 15 (ภาคีนกฟินิกซ์ - 15)
Nettle (ขนเม่น)
เป็นพันธ์ไม้ที่มีขนคันคล้ายตำแย เป็นส่วนผสมพื้นฐานยารักษาฝี (ศิลาอาถรรพ์ - 8)
Oak (โอ๊ก)
ต้นไม้ชนิดนี้มีคุณสมบัติในการนำไปทำเป็นไม้กายสิทธิ์ โอ๊กเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง ไม้วิเศษของแฮกริดทำจากไม้โอ๊ก (ศิลาอาถรรพ์ - 5)
Privet (พรีเว็ต) JK.
พันธ์ไม้ที่ปลูกบริเวณชานเมืองของพวกมักเกิ้ลเป็นรั้วไม้เตี้ยๆ
Puffapod (พัฟฟาพ็อต)
ฝักอ้วนสีชมพูที่มีเมล็ดเป็นมันวาว มันจะแตกเป็นดอกไม้เมื่อมันตกพื้น (นักโทษแห่งอัซคาบัน - 8)
Pumkim (ฟักทอง)
แฮกริดปลูกแปลงฟักทองไว้นอกกระท่อม ซึ่งผลฟักทองนิยมนำไปประดับในงานฮัลโลวีน
Rosewood (พะยูง)
โรสวู๊ดหรือไม้พะยู ต้นไม้ชนิดนี้มีคุณสมบัติในการนำไปทำเป็นไม้กายสิทธิ์ (ศิลาอาถรรพ์ - 5) ไม้กายสิทธิ์ของเฟลอร์ เดอลากูร์ทำจากไม้โรสวู้ด
Sage (ไม้จำพวกผกากรอง)
เซนทอร์เผาสิ่งนี้ และสังเกตควันและเฟลวไฟเพื่อช่วยแปลผลของการดูดาว (ภาคีนกฟินิกซ์ - 27)
Scurvy - grass
ใช้ในยาสับสนและมึนตึง
Sneezewort
ใช้ในยาสับสนและมึนตึง
Umbrella - sizes Flowers (ดอกไม้ยักษ์ขนาดเท่าร่ม) JK.
แขวนอยู่บนเพดานของเรือนกระจกหมายเลข 3 (ห้องแห่งความลับ - 6)
Vanonous Tentacula (แทนทะคูเลอะมีพิษ)
ต้นไม้สีแดงคล้ำๆซึ่งมีฟัน ชอบยื่นเถาไปยังผู้คน (ห้องแห่งความลับ - 6)
Willow (วิลโลว์)
ต้นไม้ชนิดนี้ มีคุณสมบัติในการนำไปทำเป็นไม้วิเศษ
ไม้กายสิทธิ์ของลิลลี่ แม่ของแฮร์รี่ทำจากต้นวิลโลว์ (ศิลาอาถรรพ์ - 5) ไม้กายสิทธิ์ของรอนก็ทำมาจากต้นวิลโลว์ (นักโทษแห่งอัซคาบัน)
Whomping Willow (ต้นวิลโลว์จอมหวด) JK.
เป็นพืชพันธ์เดียวกับวิลโลว์ แต่ใหญ่กว่า และดุร้ายกว่าเมื่อมีสิ่งใดเข้าไปใกล้ (ห้องแห่งความลับ , นักโทษแห่งอัซคาบัน)
Wolfbane (วูลฟ์เบน)
ดู Aconite
Wormwood (วอร์มวู๊ด)
เป็นส่วนผสมของยานอนหลับที่แรงมากที่รู้จักกันในชื่อยาตายทั้งเป็ฯ สมุนไพรชนิดนี้ เป็นคำถามแรกที่สเนปถามแฮร์รี่ในชั่วโมงแรกของชั้นเรียนวิชาปรุงยา (ศิลาอาถรรพ์ - 8)
Yew (ยิว)
ต้นไม้ชนิดนี้มีคุณสมบัติในการนำไปทำเป็นไม้กายสิทธิ์ ต้นยิวเป็นสัญลักษณ์ของความตายและการคืนชีพ ไม้นี้มีความทนทานต่อการผุพังอย่างดีเยี่ยม ต้นยิวปลูกในลานโบสถ์ที่ลิตเติลแฮงกลีตัน (ถ้วยอัคนี) และต้นยิวเติบโตในป่าต้องห้าม แฮกริดได้สังเกตมันได้ชัดเจนเมื่อแฮกริดสอนปีห้าเกี่ยวกับธีสทรัล (ภาคีนกฟินิกซ์)
ไม้กายสิทธิ์ของทอม ริดเดิ้ล ทำมาจากไม้ยิว (ศิลาอาถรรพ์ - 5)
สถานที่ต่างๆใน แฮร์รี่ พอตเตอร์
ร้านหม้อใหญ่รั่ว - เป็นร้านที่สามารถเชื่อต่อระหว่างโลกเวทมนตร์อย่าง ตรอกไดแอกอน กับ โลกที่ไร้ซึ่งเวทมนตร์ มักเกิ้ล ถูกเอ่ยขึ้นครั้งแรกในหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ศิลาอาถรรพ์ หรือ เล่มที่ 1 นั่นเอง.
ร้านไม้กวาดสามอัน - เป็นร้านที่ได้รับความนิยมมากจากเหล่านักเรียน Hogwarts และ ผู้วิเศษ มักมีการดื่มบัตเตอร์เบียร์กันที่ร้านนี้ ถือว่าเป็นร้านประจำของ แฮร์รี่ , รอน และ เฮอร์ไมโอนี่เลยทีเดียว
ร้านหัวหมู - เป็นร้านที่มีคนเงียบเหงา แต่ เป็นที่จับตามองมาก ร้านนี้ เฮอร์ไมโอนี่ ได้เรียกประชุมเหล่าสมาชิก กองทัพดัมเบิลดอร์ และ เรื่องได้หลุดรอดไปโดยไม่รู้ตัว
หมู่บ้านฮ็อกมีสท์ - เป็นหมูบ้านเหล่าผู้วิเศษ ที่มีร้านค้าต่างๆมากมาย เช่น ไม้กวาด 3 อัน ซึ่งจะให้นักเรียน Hogwarts มาเยี่ยมชม และ จับจ่ายได้ปีละ 1 ครั้งเท่านั้น
ร้านตัวบรรจงและหยดหมึก - เป็นร้านที่ขายหนังสือ อุปกรณ์การเรียนที่จะใช้ในการเรียน การสอนในโรงเรียนเวทมนตร์ศาสตร์ Hogwarts
ร้านเสื้อคลุมสำหรับทุกโอกาสของมาดามมัลกิ้น - เป็นร้านขายเสื้อคลุ่ม ไทม่ว่าจะเป็นเสื้อคลุมนักเรียนได้ได้ขนาดเหมาะเจาะ หรือ เสื้อคุล่มโอกาศไหนๆ สามารถหาซื้อได้ที่นี่
ร้านขายไม้กายาสิทธิ์ของโอลิแวนเดอร์ - เป็นร้านที่ขายไม้กายาสิทธิ์มาช้านาน ซึ่งนับว่าเป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้วิเศษ พ่อ แม่ ของ แฮร์รี่ มาซื้อไม้ที่นี่ รวมทั้ง ลอร์ด โวลเดอมอร์ ก็มาซื้อไม้ที่นี่ด้วย
ร้านของเล่นซองโก้ - เป็นร้านขายของตลก เช่น ระเบิดเหม็น ฯลฯ
ร้านฮันนี่ดุกส์ - เป็นร้านที่ขายขนมหวาน อยู่ในหมู่บ้านฮ็อกมีสท์
เพิงโหยหวน - เป็นบ้านเร้าง ว่ากันว่าเป็นบ้านที่มีผีดุที่สุดในเกาะอังกฤษ
ร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์ - เป็นร้านขายของตลกของฝาแฝด วีสลีย์ ปรากฎในเล่ม 6
ร้านทไวล์ฟิตต์และแท็ตติง - ปรากฎในเล่มที่ 6 ในตอนที่แม่ของมัลฟอย บอกให้ออกจากร้านมาดามมัลกิ้ล แล้วไปร้านเนี้ยะล่ะ
ร้านไม้กวาดสามอัน - เป็นร้านที่ได้รับความนิยมมากจากเหล่านักเรียน Hogwarts และ ผู้วิเศษ มักมีการดื่มบัตเตอร์เบียร์กันที่ร้านนี้ ถือว่าเป็นร้านประจำของ แฮร์รี่ , รอน และ เฮอร์ไมโอนี่เลยทีเดียว
ร้านหัวหมู - เป็นร้านที่มีคนเงียบเหงา แต่ เป็นที่จับตามองมาก ร้านนี้ เฮอร์ไมโอนี่ ได้เรียกประชุมเหล่าสมาชิก กองทัพดัมเบิลดอร์ และ เรื่องได้หลุดรอดไปโดยไม่รู้ตัว
หมู่บ้านฮ็อกมีสท์ - เป็นหมูบ้านเหล่าผู้วิเศษ ที่มีร้านค้าต่างๆมากมาย เช่น ไม้กวาด 3 อัน ซึ่งจะให้นักเรียน Hogwarts มาเยี่ยมชม และ จับจ่ายได้ปีละ 1 ครั้งเท่านั้น
ร้านตัวบรรจงและหยดหมึก - เป็นร้านที่ขายหนังสือ อุปกรณ์การเรียนที่จะใช้ในการเรียน การสอนในโรงเรียนเวทมนตร์ศาสตร์ Hogwarts
ร้านเสื้อคลุมสำหรับทุกโอกาสของมาดามมัลกิ้น - เป็นร้านขายเสื้อคลุ่ม ไทม่ว่าจะเป็นเสื้อคลุมนักเรียนได้ได้ขนาดเหมาะเจาะ หรือ เสื้อคุล่มโอกาศไหนๆ สามารถหาซื้อได้ที่นี่
ร้านขายไม้กายาสิทธิ์ของโอลิแวนเดอร์ - เป็นร้านที่ขายไม้กายาสิทธิ์มาช้านาน ซึ่งนับว่าเป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้วิเศษ พ่อ แม่ ของ แฮร์รี่ มาซื้อไม้ที่นี่ รวมทั้ง ลอร์ด โวลเดอมอร์ ก็มาซื้อไม้ที่นี่ด้วย
ร้านของเล่นซองโก้ - เป็นร้านขายของตลก เช่น ระเบิดเหม็น ฯลฯ
ร้านฮันนี่ดุกส์ - เป็นร้านที่ขายขนมหวาน อยู่ในหมู่บ้านฮ็อกมีสท์
เพิงโหยหวน - เป็นบ้านเร้าง ว่ากันว่าเป็นบ้านที่มีผีดุที่สุดในเกาะอังกฤษ
ร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์ - เป็นร้านขายของตลกของฝาแฝด วีสลีย์ ปรากฎในเล่ม 6
ร้านทไวล์ฟิตต์และแท็ตติง - ปรากฎในเล่มที่ 6 ในตอนที่แม่ของมัลฟอย บอกให้ออกจากร้านมาดามมัลกิ้ล แล้วไปร้านเนี้ยะล่ะ
กีฬาควิดดิช
กีฬาควิดดิช เป็นเกมกีฬาที่ได้รับความนิยมมากในโลกเวทมนตร์ มีการกล่าวถึงครั้งแรกในหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ศิลาอาถรรพ์ โดยถือว่าเป็นกีฬาเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างบ้านพักนักเรียนแต่ละหลัง ซึ่งบ้านที่มักได้รับแชมป์ในการแข่งขัน คือ กริฟฟินดอร์
ควิดดิช จะประกอบไปด้วยผู้เล่นแต่ละทีมจำนวน 7 คน 4 ตำแหน่ง ได้แต่ 3 เชสเซอร์ , 1 บีตเตอร์ , 1 คีปเปอร์ และ 1 ซีกเกอร์ มีอุปกรณ์ที่ใช้ในการเล่น คือ ลูกบอลจำนวน 4 ลูก ได้แก่ ควัฟเฟิล (ลูกสีแดง) จะใช้ในการทำแต้ม , บลัดเจอร์ (ลูกสีดำ) จะใช้เพิ่มอุปสรรคให้กับผู้เล่น โดยจะสามารถชนกระแทกผู้เล่นให้ตกจากไม้กวาดได้ , และ โกลเด้นสนิช (ลูกสีทองมีปีก) จะใช้ในการทำคะแนนสูงสุดถึง 150 แต้ม และ เมื่อจับได้จะถือว่าสิ้นสุดเกม โดยที่ฮอกวอตส์จะมีการแข่งขันควิดดิชระหว่างบ้านเป็นประจำทุกๆปี
นอกจากนี้กีฬาควิดดิชยังได้รับความนิชมแพร่หลายทั่วโลก ถือว่าเป็นกีฬาสุดฮิตของประชานชนผู้วิเศษ โดยมีการจัดการแข่งขัน Quidditch World Cup โดยแต่ละครั้งจะมีนักกีฬาจากหลากหลายประเทศเข้าร่วมแข่งขัน ( ปรากฎในหนังสือเล่ม 4 ) และ นักกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนี้คือ วิกเตอร์ ครัม นักกีฬาทีมชาติบัลแกเรีย
กติกาการเล่น และ การทำคะแนน
ในกีฬาควิดดิชนั้น การทำคะแนนถือเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยผู้เล่นในตำแหน่ง เชสเซอร์ จะมีหน้าที่เลี้ยงลูกบอล ควัฟเฟิล ที่มีค่า 10 คะแนน เมื่อสามารถโยนเข้าห่วงใดห่วงหนึ่งของฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ ซึ่งห่วงดังนั้นจะอยู่บนเสาสามเสาด้วยกัน ดังนั้นแต่ละฝ่ายจะมีห่วงถึง 3 ห่วงที่สามารถทำคะแนนได้ ทั้งนี้การปกป้องการทำประตู หรือ หน้าที่ผู้รักษาประตู จะเป็นหน้าที่ของ คีปเปอร์
ระหว่างการเล่นเกมนั้น อุปสรรคที่สามารถทำให้ผู้เล่นเกิดการบาดเจ็บได้มากที่สุดคือ ลูกบอลบลัดเจอร์ มีหน้าที่ชนกระแทกผู้เล่นให้ตกจากไม้กวาด ส่งผลให้ผู้เล่นในสนามลดลงได้หากเกิดการบาดเจ็บร้ายแรง ดังนั้นแต่ละทีจะมีตำแหน่ง บีตเตอร์ 2 คนเพื่อช่วยป้องกันสมาชิกในทีมจากลูกบอลบลัดเจอร์ ซึ่งบีตเตอร์แต่ละคนจะมีไม้จับถนัดมือสำหรับหวดบลัดเจอร์ ทั้งนี้ยังสามารถใช้ประโยชน์ในการทำร้ายฝั่งตรงข้ามได้โดยการหวดลูกบลัดเจอร์ ไปที่สมาชิกผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม ซึ่งถือว่าไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด
สำหรับการทำคะแนนสูงสุดในเกมการแข่งขันสามารถทำได้โดยการจับ ลูกโกลเด้นสนิช ที่มีคะแนนถึง 150 แต้ม โดยหน้าที่นี้จะเป็นหน้าที่ของตำแหน่ง ซีกเกอร์ ซึ่ง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ก็ได้รับตำแหน่งนี้ในทีม กริฟฟินดอร์ การแข่งขันจะสิ้นสุดเมื่อ ซีกเกอร์ จับลูกโกลเด้นสนิชได้เท่านั้น ทั้งนี้การจับลูกโกลเด้นสนิชไม่ได้การันตีว่าทีมที่จับได้จะชนะเสมอไป
ระเบียบข้อบังคับ
ระเบียบข้อบังคับเหล่านี้ ถูกกำหนดไว้โดยกองควบคุมดูแลเกม และ กีฬาเวทมนตร์ Snitch เมื่อการก่อตั้งกองขึ้นใน ค.ศ.1750 เพื่อนใช้เป็นเงื่อนไข และ กติกาในการแข่งขันกีฬาดวิดดิชสากล
สนามการแข่งขันเป็นรูปไข่ ยาวประมาณ 500 ฟุต กว้างประมาณ 180 ฟุต ตรงกลางมีวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 ฟุต มีเขตทำคะแนนสำหรับ เชสเซอร์ ในเขตทำคะแนนมี ห่วงข้างละ 3 ห่วง แต่ละห่วงจะมีความสูงต่ำไม่เท่ากัน
ระดับการบินแม้จะไม่มีการกำหนดว่าระดับความสูงใดๆถือว่าผิดกติกา แต่การบินนั้นต้องอยู่ในพื้นที่เขตสนาม หากฝ่ายใดออกนอกเขตสนามถือว่าผิดกติกา ต้องให้ลูกควัฟเฟิลกับฝ่ายตรงกันข้ามทันที
การขอเวลานอกสามารถกระทำได้โดยหัวหน้าทีม หรือ กัปตัน ส่งสัญญาณขอเวลานอกให้กรรมการได้รับทราบ การขอเวลานอกอาจะยืดได้มากถึง 2 ชั่วโมง
ห้ามเท้าของผู้แข่งขันทุกท่านแตะพื้นสนาม เว้นแต่ช่วงขอเวลานอกเท่านั้น ทั้งนี้ผู้แข่งขันสามารถไช้ไม้กวาดยี่ห้อใด , รุ่นใด , แบบใดก็ได้เข้าร่วมการแข่งขัน.
ผู้แข่งขันสามารถแย่งลูกควัฟเฟิล จากมือของผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามได้เลย แต่ห้ามแตะต้องส่วนอื่นๆของร่ายกายที่อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บได้
ในกรณีผู้เข้าแข่งขันบาดเจ็บจนไม่สามารถเล่นต่อได้ การแข่งขันจะดำเนินต่อไปโดยไม่มีการเปลี่นยนตัวเป็นผู้เล่นสำรอง
ผู้วิเศษทุกท่านสามารถนำไม้กายสิทธิ์ติดตัวเข้าไปในสนามกีฬาได้ แต่กระนั้นในช่วงที่อยู่ในสนาม ห้ามผู้วิเศษใช้ไม้กายสิทธิ์กับนักกีฬา , ไม้กวาดที่ใช้ในการแข่งขัน , กรรมการ , ลูกบอล และ คนดู
เกมการแข่งขันควิดดิช จะยุติได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถจับลูกโกลเด้นสนิชได้ หรือ อาจเป็นไปด้วยความยินยอมพร้อมใจของกัปตันทีมทั้ง 2 ฝ่าย
ลักษณะการกระทำผิด
Blagging - การคว้าปลายไม้กวาดของฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้บินได้ช้า หรือขัดขวางการเล่น
Blatching - ผู้แข่งขันตั้งใจบินไปชนอีกฝ่ายหนึ่งโดยตรง
Blurting - ผู้แข่งขันใช้ไม้กวาดงัดไม้กวาดฝ่ายตรงข้าม ดันให้กระเด็นออกไปนอกทาง
Blumphing - บีตเตอร์หวดบลัดเจอร์ไปทางคนดู ทำให้ต้องหยุดการแข่งขันชั่วขณะ
Cobbing - ผู้แข่งขันใช้ข้อศอกอย่างรุนแรง กับ ฝ่ายตรงข้าม
Flacking - คีปเปอร์ยื่นส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายผ่านห่วงประตูเข้าไปเพื่อสกัดลูกควัฟเฟิล
Havesacking - เชสเซอร์จับลูกควัฟเฟิลเข้าประตูโดยตรง (การทำประตูต้องโยนเท่านั้น )
Quafflepocking - เชสเซอร์ ทำการดัดแปลงลูกควัฟเฟิล เพื่อส่งผลที่ปิดเพี้ยนไปจากเดิม
Snitchnip - ผู้แข่งขันคนอื่นนอกจากซีกเกอร์ ห้ามแตะต้องลูกสนิช
Stooging - เชสเซอร์มากกว่า 1 คน เข้าไปในเขตทำคะแนนไม่ได้
กีฬาควิดดิชในปัจจุบัน
กีฬาควิดดิชยังคงทำให้แฟนๆตื่นเต้นเร้าใจและคลั่งไคล้ไปทั่วโลกปัจจุบัน รับประกันได้ว่าคนที่ซื้อตั๋วดูการแข่งขันควิดดิชทุกคนจะได้เห็นการแข่งขันที่มีชั้นเชิงสูง ระหว่างผู้เล่นที่บินอย่างเชี่ยวชาญยิ่ง (แน่นอน ยกเว้นแต่ว่าจะจับลูกสนิชได้ในห้านาทีแรกของการแข่งขัน ถ้าเป็นเช่นนี้พวกเราทุกคนคงรู้สึกว่าถูกโกงหน่อยๆ เหมือนได้รับเงินทอนไม่ครบทำนองนั้น) ไม่มีอะไรจะพิสูจน์ความดีเด่นของเกมควิดดิชได้ดีไปกว่าท่าเล่นยากๆ ที่บรรดาผู้เล่นพ่อมดแม่มดทั้งหลายสร้างสรรค์ขึ้นมาตลอดในประวัติศาสตร์อันยาวนานของกีฬานี้ พ่อมดแม่มดเหล่านี้กระตือรือร้นที่จะสร้างท่าเล่นยากๆ เพื่อผลักดันผู้เล่นและกีฬานี้ให้ดีขึ้นเท่าที่พวกเขาจะสามารถทำได้ ต่อไปนี้คือ ท่าเล่นพิสดารบางทาที่ยกมาเป็นตัวอย่าง
บลัดเจอร์ แบ็กบีต (Bludger Backbeat)
เป็นท่าที่บีตเตอร์ตีลูกบลัดเจอร์ด้วยไม้ตีในท่าแบ็กแฮนด์ ส่งลูดบลัดเจอร์ลอยไปข้างหลังเขาหรือเธอ แทนที่จะไปข้างหน้า ท่านี้ตีให้เที่ยวตรงแม่นยำได้ยาก แต่ดีเลิศในแง่ทำให้คู่ต่อสู้งุนงง
ด๊อปเปิ้ลบีตเตอร์ ดีเฟนซ์ (Dopplebeater Defence)
บีตเตอร์ทั้งสองคนใช้แรงมากเป็นพิเศษตีลูกบลัดเจอร์พร้อมกัน ผลคือในการรุกครั้งต่อไป ลูกบลัดเจอร์จะโจมตีอย่างดุเดือดรุนแรงมากขึ้นไปอีก
ดับเบิ้ล เอต ลูป (Double Eight Loop)
เป็นท่าป้องกันของคีปเปอร์ ปกติมักใช้ป้องกันการโยนลูกโทษ คีปเปอร์จะบินเลี้ยวโค้งเป็นรูปเลขแปดไปรอบๆห่วงประตูทั้งสาม ห่วงด้วยความเร็วสูงเพื่อคอยกันลูกควิฟเฟิล
ฮอกส์เฮด อะแทกกิ้ง ฟอร์เมชั่น (Hawkshead Attacking Formation)
เชสเซอร์มารวมตัวกันทำเป็นรูปหัวลูกศร บินไปพร้อมๆกันมุ่งไปที่เสาประตู ท่านี้ข่มขวัญทีมคู่ต่อสู้ได้มาก และมีประสิทธิภาพในการบังคับให้ผู้เล่นอื่นต้องบินหลบไปข้างๆ
พาร์กินส์ พินเชอร์ (Parkin's Pincer)
ตั้งชื่อตามผู้เล่นในทีมวิกทาวน์ วันเดอเรอส์ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนประดิษฐ์ท่านี้ขึ้นมา เชสเซอร์สองคนช่วยกันบินเข้าไปบีบเชสเซอร์ฝ่ายตรงข้ามจากด้านซ้ายและขวา ชณะที่เชสเซอร์คนที่สามบินพุ่งตรงเข้าไปหาเชสเซอร์ฝ่ายตรงข้ามนั้น
พลัมป์ตัน พาส (Plumpton Pass)
เป็นท่าเลี้ยวโค้งหมุนตัวที่ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจทำของซีกเกอร์ แต่สามารถคว้าจับลูกสนิชที่ลอยอยู่ที่แขนเสื้อไว้ได้ นับเป็นทีเด็ดอย่างหนึ่ง ตั้งชื่อตามรอดดริก พลัมป์ตัน ซีกเกอร์ของทีมทัดชิล ทอร์เนโดส์ ที่ใช้ท่านี้ในการจับลูกสนิชที่โด่งดังเป็นประวัติการณ์ในค.ศ.1921 แม้ว่านักวิจารณ์หลายคนจะกล่าวหาว่าที่เขาทำได้นั้นเป็นเรื่องบังเอิญ แต่พลัมป์ตันยืนกรานจวบจนเขาถึงแก่กรรมว่าเขาตั้งใจทำท่านั้นจับลูกสนิชจริงๆ
พอร์สคอฟ พลอย (Porskoff Ploy)
เชสเซอร์ถือลูกควิฟเฟิลบินทะยานขึ้นไปในอากาศ ล่อให้เชสเซอร์ฝ่ายตรงข้ามเชื่อว่าเขาหรือเธอกำลังพยายามบินหนีไปทำคะแนน แต่แล้วก็โยนควัฟเฟิลลงมาข้างล่างให้เชสเซอร์ทีมเดียวกันที่คอยรับอยู่ เชสเซอร์ทั้งสองต้องกะจังหวะเวลาให้ตรงกันพอดี นี่เป็นหัวใจของท่านี้ ตั้งชื่อของเพ็ตโทรว่า พอร์สคอฟ เชสเซอร์ชาวรัสเซีย
รีเวิร์ส พาส (Reverse Pass)
เชสเซอร์โยนลูกควิฟเฟิลข้ามไหล่ของตนไปให้ผู้เล่นทีมเดียวกันอีกคน การโยนให้ได้แม่นยำนั้นทำได้ยากมาก
สล็อท กริป โรลล์ (Sloth Grip Roll)
ห้อยกลับหัวจากไม้กวาด ยึดไม้กวาดไว้แน่นด้วยมือและเท้าสองข้างเพื่อหลบหลีกลูกบลัดเจอร์
สตาร์ฟิชแอนด์สติ๊ก (Starfish and Stick)
เป็นท่าป้องกันของคีปเปอร์ โดยคีปเปอร์ถือไม้กวาดในแนวนอน ใช้มือและเท้าข้างหนึ่งเกี่ยวจับด้ามไม้กวาดแน่น ในขณะที่กางแขนและขาอีกข้างออกไปตรงๆ (ดูรูป ช.) ท่าปลาดาวแต่ไม่มีไม้นั้นไม่ควรลองทำอย่างยิ่ง
ทรานซิลเวเนียน แท็กเคิล (Transylvianian Tackle)
เป็นท่าต่อยหลอกๆเล็งไปที่จมูก ไม่ถือว่าผิดกติกาจนกว่าจะสัมผัสกันจริงๆ แต่ก็หยุดได้ยากมากเมื่อทั้งสองฝ่ายอยู่บนไม้กวาดที่มีความเร็วสูง ปรากฎครั้งแรกในควิดดิชเวิลด์คัพ ค.ศ.1473
วูลลองกอง ชิมมี่ (Woollongong Shimmy)
เป็นท่าที่ทีมวูลลองกอง วอร์ริเออส์ จากออกเตรเลียทำได้สมบูรณ์แบบมาก นี่เป็นท่าบินซิกแซ็กด้วยความเร็วสูง เพื่อสลัดเชสเซอร์ฝ่ายตรงข้ามไม่ให้ติดตามได้
รอนสกี้ เฟนต์ (Wronski Feint)
ซีกเกอร์บินข้างสิ่งกีดขวางไปที่พื้นสนาม ทำเป็นว่าเห็นลูกสนิชอยู่ไกลๆข้างล่าง แล้วเชิดหัวไม้กวาดขึ้นก่อนจะดิ่งลงไปกระแทกพื้น ท่านี้ตั้งใจหลอกให้ซีกเกอร์อีกฝ่ายทำตามจนดิ่งไปกระแทกพื้น ตั้งชื่อว่าโจเซฟ รอนสกี้ ซีกเกอร์ชาวโปแลนด์
ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าควิดดิชได้เปลี่ยนไปมาก จากที่เคยได้รู้เมื่อครั้งที่เกอร์ตี้ ค็ดเดิลเห็น 'พวกกะโหลกทึบ' เล่นกันที่หนองน้ำเควียดิช บางทีถ้าเกอร์ตี้มีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน เธอเองก็อาจจะตื่นเต้นเร้าใจไปกับบทกวีและพลังของเกมควิดดิชเหมือนกัน ขอให้กีฬานี้จงพัฒนาก้าวหน้าต่อไปอีกนานเท่านาน และ ขอให้พ่อมดแม่มดรุ่นต่อไปในอนาคตได้สนุกนานเพลิดเพลินกับกีฬาที่วิเศษที่สุดนี้ชั่วกาลนาน
ข้อมูลจากหนังสือ ควิดดิชในยุคต่างๆ (ฉบับภาษาไทย)
หนังสือเล่มนี้พิมพ์โดย สำนักพิมพ์ นานมีบุ๊คส์ ตอนนี้ไม่มีจำหน่ายแล้วนะครับ และ ยังไม่มีโครงการจะจัดพิมพ์จำหน่ายเพิ่มเติมในอนาคตด้วยครับ.
บทที่ o - คำนิยม
บทที่ o - เกี่ยวกับผู้เขียน
บทที่ o - คำนำ
บทที่ 1. วิวัฒนาการของไม้กวาดบิน
บทที่ 2. การละเล่นด้วยไม้กวาดในสมัยโบราณ
บทที่ 3. การละเล่นจากหนองน้ำเควียดิช
บทที่ 4. ลูกสนิชสีทองปรากฏโฉม
บทที่ 5. การเตรียมตัวสกัดกั้นพวกมักเกิ้ล
บทที่ 6. การเปลี่ยนแปลงในกีฬาควิดดิชตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 14
บทที่ 7. ทีมควิดดิชในเกาะบริเตนและไอร์แลนด์
บทที่ 8. การแพร่กระจายของกีฬาควิดดิชไปทั่วโลก
บทที่ 9. พัฒนาการของไม้กวาดแข่ง
บทที่ 10. กีฬาควิดดิชในปัจจุบัน
เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนนี้ : โรงเรียนเวทมนตร์ศาสตร์ , การ์ดผู้ก่อตั้ง , บ้านพักนักเรียน , ทีมควิดดิช , หนังสือควิดดิชในยุคต่างๆ
ควิดดิช จะประกอบไปด้วยผู้เล่นแต่ละทีมจำนวน 7 คน 4 ตำแหน่ง ได้แต่ 3 เชสเซอร์ , 1 บีตเตอร์ , 1 คีปเปอร์ และ 1 ซีกเกอร์ มีอุปกรณ์ที่ใช้ในการเล่น คือ ลูกบอลจำนวน 4 ลูก ได้แก่ ควัฟเฟิล (ลูกสีแดง) จะใช้ในการทำแต้ม , บลัดเจอร์ (ลูกสีดำ) จะใช้เพิ่มอุปสรรคให้กับผู้เล่น โดยจะสามารถชนกระแทกผู้เล่นให้ตกจากไม้กวาดได้ , และ โกลเด้นสนิช (ลูกสีทองมีปีก) จะใช้ในการทำคะแนนสูงสุดถึง 150 แต้ม และ เมื่อจับได้จะถือว่าสิ้นสุดเกม โดยที่ฮอกวอตส์จะมีการแข่งขันควิดดิชระหว่างบ้านเป็นประจำทุกๆปี
นอกจากนี้กีฬาควิดดิชยังได้รับความนิชมแพร่หลายทั่วโลก ถือว่าเป็นกีฬาสุดฮิตของประชานชนผู้วิเศษ โดยมีการจัดการแข่งขัน Quidditch World Cup โดยแต่ละครั้งจะมีนักกีฬาจากหลากหลายประเทศเข้าร่วมแข่งขัน ( ปรากฎในหนังสือเล่ม 4 ) และ นักกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนี้คือ วิกเตอร์ ครัม นักกีฬาทีมชาติบัลแกเรีย
กติกาการเล่น และ การทำคะแนน
ในกีฬาควิดดิชนั้น การทำคะแนนถือเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยผู้เล่นในตำแหน่ง เชสเซอร์ จะมีหน้าที่เลี้ยงลูกบอล ควัฟเฟิล ที่มีค่า 10 คะแนน เมื่อสามารถโยนเข้าห่วงใดห่วงหนึ่งของฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ ซึ่งห่วงดังนั้นจะอยู่บนเสาสามเสาด้วยกัน ดังนั้นแต่ละฝ่ายจะมีห่วงถึง 3 ห่วงที่สามารถทำคะแนนได้ ทั้งนี้การปกป้องการทำประตู หรือ หน้าที่ผู้รักษาประตู จะเป็นหน้าที่ของ คีปเปอร์
ระหว่างการเล่นเกมนั้น อุปสรรคที่สามารถทำให้ผู้เล่นเกิดการบาดเจ็บได้มากที่สุดคือ ลูกบอลบลัดเจอร์ มีหน้าที่ชนกระแทกผู้เล่นให้ตกจากไม้กวาด ส่งผลให้ผู้เล่นในสนามลดลงได้หากเกิดการบาดเจ็บร้ายแรง ดังนั้นแต่ละทีจะมีตำแหน่ง บีตเตอร์ 2 คนเพื่อช่วยป้องกันสมาชิกในทีมจากลูกบอลบลัดเจอร์ ซึ่งบีตเตอร์แต่ละคนจะมีไม้จับถนัดมือสำหรับหวดบลัดเจอร์ ทั้งนี้ยังสามารถใช้ประโยชน์ในการทำร้ายฝั่งตรงข้ามได้โดยการหวดลูกบลัดเจอร์ ไปที่สมาชิกผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม ซึ่งถือว่าไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด
สำหรับการทำคะแนนสูงสุดในเกมการแข่งขันสามารถทำได้โดยการจับ ลูกโกลเด้นสนิช ที่มีคะแนนถึง 150 แต้ม โดยหน้าที่นี้จะเป็นหน้าที่ของตำแหน่ง ซีกเกอร์ ซึ่ง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ก็ได้รับตำแหน่งนี้ในทีม กริฟฟินดอร์ การแข่งขันจะสิ้นสุดเมื่อ ซีกเกอร์ จับลูกโกลเด้นสนิชได้เท่านั้น ทั้งนี้การจับลูกโกลเด้นสนิชไม่ได้การันตีว่าทีมที่จับได้จะชนะเสมอไป
ระเบียบข้อบังคับ
ระเบียบข้อบังคับเหล่านี้ ถูกกำหนดไว้โดยกองควบคุมดูแลเกม และ กีฬาเวทมนตร์ Snitch เมื่อการก่อตั้งกองขึ้นใน ค.ศ.1750 เพื่อนใช้เป็นเงื่อนไข และ กติกาในการแข่งขันกีฬาดวิดดิชสากล
สนามการแข่งขันเป็นรูปไข่ ยาวประมาณ 500 ฟุต กว้างประมาณ 180 ฟุต ตรงกลางมีวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 ฟุต มีเขตทำคะแนนสำหรับ เชสเซอร์ ในเขตทำคะแนนมี ห่วงข้างละ 3 ห่วง แต่ละห่วงจะมีความสูงต่ำไม่เท่ากัน
ระดับการบินแม้จะไม่มีการกำหนดว่าระดับความสูงใดๆถือว่าผิดกติกา แต่การบินนั้นต้องอยู่ในพื้นที่เขตสนาม หากฝ่ายใดออกนอกเขตสนามถือว่าผิดกติกา ต้องให้ลูกควัฟเฟิลกับฝ่ายตรงกันข้ามทันที
การขอเวลานอกสามารถกระทำได้โดยหัวหน้าทีม หรือ กัปตัน ส่งสัญญาณขอเวลานอกให้กรรมการได้รับทราบ การขอเวลานอกอาจะยืดได้มากถึง 2 ชั่วโมง
ห้ามเท้าของผู้แข่งขันทุกท่านแตะพื้นสนาม เว้นแต่ช่วงขอเวลานอกเท่านั้น ทั้งนี้ผู้แข่งขันสามารถไช้ไม้กวาดยี่ห้อใด , รุ่นใด , แบบใดก็ได้เข้าร่วมการแข่งขัน.
ผู้แข่งขันสามารถแย่งลูกควัฟเฟิล จากมือของผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามได้เลย แต่ห้ามแตะต้องส่วนอื่นๆของร่ายกายที่อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บได้
ในกรณีผู้เข้าแข่งขันบาดเจ็บจนไม่สามารถเล่นต่อได้ การแข่งขันจะดำเนินต่อไปโดยไม่มีการเปลี่นยนตัวเป็นผู้เล่นสำรอง
ผู้วิเศษทุกท่านสามารถนำไม้กายสิทธิ์ติดตัวเข้าไปในสนามกีฬาได้ แต่กระนั้นในช่วงที่อยู่ในสนาม ห้ามผู้วิเศษใช้ไม้กายสิทธิ์กับนักกีฬา , ไม้กวาดที่ใช้ในการแข่งขัน , กรรมการ , ลูกบอล และ คนดู
เกมการแข่งขันควิดดิช จะยุติได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถจับลูกโกลเด้นสนิชได้ หรือ อาจเป็นไปด้วยความยินยอมพร้อมใจของกัปตันทีมทั้ง 2 ฝ่าย
ลักษณะการกระทำผิด
Blagging - การคว้าปลายไม้กวาดของฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้บินได้ช้า หรือขัดขวางการเล่น
Blatching - ผู้แข่งขันตั้งใจบินไปชนอีกฝ่ายหนึ่งโดยตรง
Blurting - ผู้แข่งขันใช้ไม้กวาดงัดไม้กวาดฝ่ายตรงข้าม ดันให้กระเด็นออกไปนอกทาง
Blumphing - บีตเตอร์หวดบลัดเจอร์ไปทางคนดู ทำให้ต้องหยุดการแข่งขันชั่วขณะ
Cobbing - ผู้แข่งขันใช้ข้อศอกอย่างรุนแรง กับ ฝ่ายตรงข้าม
Flacking - คีปเปอร์ยื่นส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายผ่านห่วงประตูเข้าไปเพื่อสกัดลูกควัฟเฟิล
Havesacking - เชสเซอร์จับลูกควัฟเฟิลเข้าประตูโดยตรง (การทำประตูต้องโยนเท่านั้น )
Quafflepocking - เชสเซอร์ ทำการดัดแปลงลูกควัฟเฟิล เพื่อส่งผลที่ปิดเพี้ยนไปจากเดิม
Snitchnip - ผู้แข่งขันคนอื่นนอกจากซีกเกอร์ ห้ามแตะต้องลูกสนิช
Stooging - เชสเซอร์มากกว่า 1 คน เข้าไปในเขตทำคะแนนไม่ได้
กีฬาควิดดิชในปัจจุบัน
กีฬาควิดดิชยังคงทำให้แฟนๆตื่นเต้นเร้าใจและคลั่งไคล้ไปทั่วโลกปัจจุบัน รับประกันได้ว่าคนที่ซื้อตั๋วดูการแข่งขันควิดดิชทุกคนจะได้เห็นการแข่งขันที่มีชั้นเชิงสูง ระหว่างผู้เล่นที่บินอย่างเชี่ยวชาญยิ่ง (แน่นอน ยกเว้นแต่ว่าจะจับลูกสนิชได้ในห้านาทีแรกของการแข่งขัน ถ้าเป็นเช่นนี้พวกเราทุกคนคงรู้สึกว่าถูกโกงหน่อยๆ เหมือนได้รับเงินทอนไม่ครบทำนองนั้น) ไม่มีอะไรจะพิสูจน์ความดีเด่นของเกมควิดดิชได้ดีไปกว่าท่าเล่นยากๆ ที่บรรดาผู้เล่นพ่อมดแม่มดทั้งหลายสร้างสรรค์ขึ้นมาตลอดในประวัติศาสตร์อันยาวนานของกีฬานี้ พ่อมดแม่มดเหล่านี้กระตือรือร้นที่จะสร้างท่าเล่นยากๆ เพื่อผลักดันผู้เล่นและกีฬานี้ให้ดีขึ้นเท่าที่พวกเขาจะสามารถทำได้ ต่อไปนี้คือ ท่าเล่นพิสดารบางทาที่ยกมาเป็นตัวอย่าง
บลัดเจอร์ แบ็กบีต (Bludger Backbeat)
เป็นท่าที่บีตเตอร์ตีลูกบลัดเจอร์ด้วยไม้ตีในท่าแบ็กแฮนด์ ส่งลูดบลัดเจอร์ลอยไปข้างหลังเขาหรือเธอ แทนที่จะไปข้างหน้า ท่านี้ตีให้เที่ยวตรงแม่นยำได้ยาก แต่ดีเลิศในแง่ทำให้คู่ต่อสู้งุนงง
ด๊อปเปิ้ลบีตเตอร์ ดีเฟนซ์ (Dopplebeater Defence)
บีตเตอร์ทั้งสองคนใช้แรงมากเป็นพิเศษตีลูกบลัดเจอร์พร้อมกัน ผลคือในการรุกครั้งต่อไป ลูกบลัดเจอร์จะโจมตีอย่างดุเดือดรุนแรงมากขึ้นไปอีก
ดับเบิ้ล เอต ลูป (Double Eight Loop)
เป็นท่าป้องกันของคีปเปอร์ ปกติมักใช้ป้องกันการโยนลูกโทษ คีปเปอร์จะบินเลี้ยวโค้งเป็นรูปเลขแปดไปรอบๆห่วงประตูทั้งสาม ห่วงด้วยความเร็วสูงเพื่อคอยกันลูกควิฟเฟิล
ฮอกส์เฮด อะแทกกิ้ง ฟอร์เมชั่น (Hawkshead Attacking Formation)
เชสเซอร์มารวมตัวกันทำเป็นรูปหัวลูกศร บินไปพร้อมๆกันมุ่งไปที่เสาประตู ท่านี้ข่มขวัญทีมคู่ต่อสู้ได้มาก และมีประสิทธิภาพในการบังคับให้ผู้เล่นอื่นต้องบินหลบไปข้างๆ
พาร์กินส์ พินเชอร์ (Parkin's Pincer)
ตั้งชื่อตามผู้เล่นในทีมวิกทาวน์ วันเดอเรอส์ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนประดิษฐ์ท่านี้ขึ้นมา เชสเซอร์สองคนช่วยกันบินเข้าไปบีบเชสเซอร์ฝ่ายตรงข้ามจากด้านซ้ายและขวา ชณะที่เชสเซอร์คนที่สามบินพุ่งตรงเข้าไปหาเชสเซอร์ฝ่ายตรงข้ามนั้น
พลัมป์ตัน พาส (Plumpton Pass)
เป็นท่าเลี้ยวโค้งหมุนตัวที่ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจทำของซีกเกอร์ แต่สามารถคว้าจับลูกสนิชที่ลอยอยู่ที่แขนเสื้อไว้ได้ นับเป็นทีเด็ดอย่างหนึ่ง ตั้งชื่อตามรอดดริก พลัมป์ตัน ซีกเกอร์ของทีมทัดชิล ทอร์เนโดส์ ที่ใช้ท่านี้ในการจับลูกสนิชที่โด่งดังเป็นประวัติการณ์ในค.ศ.1921 แม้ว่านักวิจารณ์หลายคนจะกล่าวหาว่าที่เขาทำได้นั้นเป็นเรื่องบังเอิญ แต่พลัมป์ตันยืนกรานจวบจนเขาถึงแก่กรรมว่าเขาตั้งใจทำท่านั้นจับลูกสนิชจริงๆ
พอร์สคอฟ พลอย (Porskoff Ploy)
เชสเซอร์ถือลูกควิฟเฟิลบินทะยานขึ้นไปในอากาศ ล่อให้เชสเซอร์ฝ่ายตรงข้ามเชื่อว่าเขาหรือเธอกำลังพยายามบินหนีไปทำคะแนน แต่แล้วก็โยนควัฟเฟิลลงมาข้างล่างให้เชสเซอร์ทีมเดียวกันที่คอยรับอยู่ เชสเซอร์ทั้งสองต้องกะจังหวะเวลาให้ตรงกันพอดี นี่เป็นหัวใจของท่านี้ ตั้งชื่อของเพ็ตโทรว่า พอร์สคอฟ เชสเซอร์ชาวรัสเซีย
รีเวิร์ส พาส (Reverse Pass)
เชสเซอร์โยนลูกควิฟเฟิลข้ามไหล่ของตนไปให้ผู้เล่นทีมเดียวกันอีกคน การโยนให้ได้แม่นยำนั้นทำได้ยากมาก
สล็อท กริป โรลล์ (Sloth Grip Roll)
ห้อยกลับหัวจากไม้กวาด ยึดไม้กวาดไว้แน่นด้วยมือและเท้าสองข้างเพื่อหลบหลีกลูกบลัดเจอร์
สตาร์ฟิชแอนด์สติ๊ก (Starfish and Stick)
เป็นท่าป้องกันของคีปเปอร์ โดยคีปเปอร์ถือไม้กวาดในแนวนอน ใช้มือและเท้าข้างหนึ่งเกี่ยวจับด้ามไม้กวาดแน่น ในขณะที่กางแขนและขาอีกข้างออกไปตรงๆ (ดูรูป ช.) ท่าปลาดาวแต่ไม่มีไม้นั้นไม่ควรลองทำอย่างยิ่ง
ทรานซิลเวเนียน แท็กเคิล (Transylvianian Tackle)
เป็นท่าต่อยหลอกๆเล็งไปที่จมูก ไม่ถือว่าผิดกติกาจนกว่าจะสัมผัสกันจริงๆ แต่ก็หยุดได้ยากมากเมื่อทั้งสองฝ่ายอยู่บนไม้กวาดที่มีความเร็วสูง ปรากฎครั้งแรกในควิดดิชเวิลด์คัพ ค.ศ.1473
วูลลองกอง ชิมมี่ (Woollongong Shimmy)
เป็นท่าที่ทีมวูลลองกอง วอร์ริเออส์ จากออกเตรเลียทำได้สมบูรณ์แบบมาก นี่เป็นท่าบินซิกแซ็กด้วยความเร็วสูง เพื่อสลัดเชสเซอร์ฝ่ายตรงข้ามไม่ให้ติดตามได้
รอนสกี้ เฟนต์ (Wronski Feint)
ซีกเกอร์บินข้างสิ่งกีดขวางไปที่พื้นสนาม ทำเป็นว่าเห็นลูกสนิชอยู่ไกลๆข้างล่าง แล้วเชิดหัวไม้กวาดขึ้นก่อนจะดิ่งลงไปกระแทกพื้น ท่านี้ตั้งใจหลอกให้ซีกเกอร์อีกฝ่ายทำตามจนดิ่งไปกระแทกพื้น ตั้งชื่อว่าโจเซฟ รอนสกี้ ซีกเกอร์ชาวโปแลนด์
ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าควิดดิชได้เปลี่ยนไปมาก จากที่เคยได้รู้เมื่อครั้งที่เกอร์ตี้ ค็ดเดิลเห็น 'พวกกะโหลกทึบ' เล่นกันที่หนองน้ำเควียดิช บางทีถ้าเกอร์ตี้มีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน เธอเองก็อาจจะตื่นเต้นเร้าใจไปกับบทกวีและพลังของเกมควิดดิชเหมือนกัน ขอให้กีฬานี้จงพัฒนาก้าวหน้าต่อไปอีกนานเท่านาน และ ขอให้พ่อมดแม่มดรุ่นต่อไปในอนาคตได้สนุกนานเพลิดเพลินกับกีฬาที่วิเศษที่สุดนี้ชั่วกาลนาน
ข้อมูลจากหนังสือ ควิดดิชในยุคต่างๆ (ฉบับภาษาไทย)
หนังสือเล่มนี้พิมพ์โดย สำนักพิมพ์ นานมีบุ๊คส์ ตอนนี้ไม่มีจำหน่ายแล้วนะครับ และ ยังไม่มีโครงการจะจัดพิมพ์จำหน่ายเพิ่มเติมในอนาคตด้วยครับ.
บทที่ o - คำนิยม
บทที่ o - เกี่ยวกับผู้เขียน
บทที่ o - คำนำ
บทที่ 1. วิวัฒนาการของไม้กวาดบิน
บทที่ 2. การละเล่นด้วยไม้กวาดในสมัยโบราณ
บทที่ 3. การละเล่นจากหนองน้ำเควียดิช
บทที่ 4. ลูกสนิชสีทองปรากฏโฉม
บทที่ 5. การเตรียมตัวสกัดกั้นพวกมักเกิ้ล
บทที่ 6. การเปลี่ยนแปลงในกีฬาควิดดิชตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 14
บทที่ 7. ทีมควิดดิชในเกาะบริเตนและไอร์แลนด์
บทที่ 8. การแพร่กระจายของกีฬาควิดดิชไปทั่วโลก
บทที่ 9. พัฒนาการของไม้กวาดแข่ง
บทที่ 10. กีฬาควิดดิชในปัจจุบัน
เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนนี้ : โรงเรียนเวทมนตร์ศาสตร์ , การ์ดผู้ก่อตั้ง , บ้านพักนักเรียน , ทีมควิดดิช , หนังสือควิดดิชในยุคต่างๆ
คำศัพท์ในหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์
" Crackpot " ( คนสติไม่ดี )
เป็นชื่อที่ พีฟส์ ผีโพลในโรงเรียนเวทมนตร์ศาสตร์ ฮอกวอตส์ ใช้เรียก แฮร์รี่ พอตเตอร์ เวลาที่เดินอยู่ในปราสาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่แฮร์รี่เป็นข่าวในหนังสือพิมพ์ เดลี่ พรอเฟ็ต
" the dream team "
เป็นชื่อที่ ศาสตราจารย์ เซเวอรัส สเนป เรียก แฮร์รี่ พอตเตอร์ และ รอน วีสลีย์ ในชมรมการต่อสู้ตัวต่อตัว
" the elephant man " ( เจ้ายักษ์ )
เป็นชื่อที่ เดรโก มัลฟอย เรียก แฮกริด ในเดลี่พรอเฟ็ตตอนที่ เดรโก ให้สัมภาษณ์กับ รีต้า สกีตเตอร์ นักข่าวจากหนังสือพิมพ์โลกเวทมนตร์
" the famous Harry Potter and his faithful sidekick Weasley "
แปลได้ว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง และ วีสลีย์เพื่อนผู้ซื่อสัตย์ของเขา
เป็นชื่อที่ ศาสตรจารย์ สเนป เรียกพวกเขาเมื่อพบพวกบริเวณทางเดินในฮอกวอตส์ โดย ศาสตราจารย์ สเนป คิดว่าพวกเขาต้องไปก่อเรื่องอะไรกันอีกแน่ๆ
" long-haired pillock "
เป็นชื่อที่นักข่าว ริต้า สกีตเตอร์ เรียก บิล พี่ชาย รอน วีสลีย์ ในบทความของหนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ต
" loony loopy Lupin " ( ลูปิน บ๊องตื้น สติไม่ดี )
เป็นชื่อที่พีฟส์ ผีโพลในโรงเรียน ฮอกวอตส์ ใช้เรียก ศาสตราจารย์ ลูปิน ตอนที่เขามาสอน แฮร์รี่ พอตเตอร์ ในปีที่ 3
" mudblood " ( เลือดสีโคลน )
เป็นคำเรียกพวกพ่อด แม่มดที่เกิดจากมักเกิ้ล โดยเอ่ยขึ้นครั้งแรกในเล่ม 2 ผู้ที่เอ่ยขึ้นคือ เดรโก มัลฟอย เป็นภาษาที่ไม่ใช้ทั่วไปในหมู่คนที่เจริญแล้ว
" pea-brain " ( สมองถั่ว )
รอน วีสลีย์ ใช้เรียกโทรลล์ตอนอยู่ในห้องน้ำหญิง ในเล่ม 1 ตอนช่วย เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์
" Phlegm " ( เฟล็ม )
เป็นชื่อที่ จินนี่ เรียก เฟลอร์ โดยเขาแต่งขึ้นเพราะว่ารำคาญ เฟลอร์ และ ไม่ชอบพฤติกรรมของเธอ ตอนที่อาศัยอยู่ที่โพรงกระต่าย
" potty wee Potter " ( พอตตี้ตัวจิ๋ว )
เป็นชื่อที่ พีฟส์ ผีโพลในโรงเรียนเวทมนศาสตร์ ฮอกวอตส์ เรียก แฮร์รี่ พอตเตอร์
" Potty and the Weasel " ( พอตตี้กับวีเซล )
เป็นชื่อที่มัลฟอยเรียก แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ รอน วีสลีย์
" Pretty Boy Diggory " ( สุภาพบุรุษดิกกอรี่ )
เชมัส ใช้เรียก เซดริก ดิกเกอรี่ แต่มันก็ทำให้พวกนักเรียนบ้าน ฮัฟเฟิลพัฟ ถลึงตาใส่เขา
Roonzil Wazlib ( รูนซีล วาซลิบ )
เป็นชื่อที่ รอน วีสลีย์ เขียนผิดในการบ้านของ ศาสตราจารย์ สเนป
" Squib " ( สควิบ )
เป็นคำที่ใช้เรียกพ่อมด แม่มดที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ แต่เกิดในครอบครัวที่มีสายเลือดของผู้วิเศษ
" Scarhead " ( หัวแผลเป็น )
เป็นชื่อที่ เดรโก มัลฟอย ใช้เรียก แฮร์รี่ พอตเตอร์
He-Who-Must-Not-Be-Named ( Voldemort )
แปลว่า คนที่รู้ว่าใคร หรือ คนที่ไม่ควรเอ่ยนาม เป็นชื่อที่ชุมชนผู้วิเศษพูดถึง ลอร์ด โวลเดอมอร์
Marauders ( ตัวกวน )
ใช้เรียกกลุ่มของ เจมส์ พอตเตอร์ , ซิเรียส แบล๊ก , รีมัส ลูปิน และ ปีเตอร์ เพ็ตติกรู เมื่อวัยเยาว์
Moony ( Remus Lupin ) ( จันทร์เจ้า )
เป็นชื่อที่เพื่อนในกลุ่มที่เรียก ศาสตราจารย์ ลูปิน ตามมนุษย์หมาป่าที่เขาเป็น
Padfoot ( Sirius Black ) ( เท้าปุย )
เป็นชื่อที่เพื่อนในกลุ่มเรียก ซิเรียส แบล๊ก เพราะว่า ซิเรียส เป็นแอนนิเมจัสที่แปลงร่างเป็นหมาสีดำได้ ในเล่ม 3 แฮร์รี่ พอตเตอร์ เห็นซีเรียสนึกว่ากริม.
Prongs ( James Potter ) ( เขาแหลม )
เป็นชื่อเรียก เจมส์ พอตเตอร์ ใช้ในกลุ่มเพื่อนๆของเขาพวกเขาเมื่อเด็ก
Wormtail ( Peter Pettigrew ) ( หางหนอน )
ใช้เรียกแทนชื่อ ปีเตอร์ เพ็ตติกรู ตามแอนนิเมจัสที่เขาเป็น คือ หนู
Snuffles ( Sirius Black ) ( สนัฟเฟิล )
เป็นชื่อที่ ซิเรียส ตั้งขึ้นเพื่อให้ แฮร์รี่ , รอน และ เฮอร์ไมโอนี่ ติดต่อเขาเวลาเขียนจดหมายมาหา เพื่อไม่ให้ใครรู้ และ ป้องกันการสกัดนกฮูกก่อนถึงมือผู้รับ
my sweet ( หวานใจ )
เป็นชื่อที่ ฟิลซ์ ผีโพลในโรงเรียน ฮอกวอตส์ ใช้เรียกคุณนายนอริส แมวของฟลิ้น ภารโรงโรงเรียนเวทมนตร์ศาสตร์ ฮอกวอตส์
Weasel King ( Ron Weasley ) ( ราชันย์วีสลีย )
เป็นชื่อที่ เดรโก มัลฟอย แต่งขึ้นในเพลงซึ่งใช้ล้อเลียน รอน ตอนแข่งควิดดิช
Won-Won ( Ron Weasley ) ( วอน-วอน )
เป็นชื่อที่ ลาเวนเดอร์ เรียก รอน ตอนเป็นแฟนกันในเล่ม 6 คือเธอออกเสียงไม่ชัดซะมากกว่า
Pinhead ( หัวเข็มหมุด )
เป็นชื่อที่สองฝาแฝด เฟร็ด กับ จอร์ท วีสลีย์ พยายามเสกไว้ในตราพรีเฟ็คของ เพอร์ซี่ ตอนที่เขาได้เป็นประธานนักเรียนโรงเรียน ฮอกวอตส์
Weatherby ( เวอร์เธอบี )
เป็นชื่อที่ บาร์ตี้ เคร้าซ์ เรียก เพอร์ซี่ วีสลีย์ ตอนงาน ควิดดิชเวิลล์คัพ ในเล่มที่ 4
เป็นชื่อที่ พีฟส์ ผีโพลในโรงเรียนเวทมนตร์ศาสตร์ ฮอกวอตส์ ใช้เรียก แฮร์รี่ พอตเตอร์ เวลาที่เดินอยู่ในปราสาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่แฮร์รี่เป็นข่าวในหนังสือพิมพ์ เดลี่ พรอเฟ็ต
" the dream team "
เป็นชื่อที่ ศาสตราจารย์ เซเวอรัส สเนป เรียก แฮร์รี่ พอตเตอร์ และ รอน วีสลีย์ ในชมรมการต่อสู้ตัวต่อตัว
" the elephant man " ( เจ้ายักษ์ )
เป็นชื่อที่ เดรโก มัลฟอย เรียก แฮกริด ในเดลี่พรอเฟ็ตตอนที่ เดรโก ให้สัมภาษณ์กับ รีต้า สกีตเตอร์ นักข่าวจากหนังสือพิมพ์โลกเวทมนตร์
" the famous Harry Potter and his faithful sidekick Weasley "
แปลได้ว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง และ วีสลีย์เพื่อนผู้ซื่อสัตย์ของเขา
เป็นชื่อที่ ศาสตรจารย์ สเนป เรียกพวกเขาเมื่อพบพวกบริเวณทางเดินในฮอกวอตส์ โดย ศาสตราจารย์ สเนป คิดว่าพวกเขาต้องไปก่อเรื่องอะไรกันอีกแน่ๆ
" long-haired pillock "
เป็นชื่อที่นักข่าว ริต้า สกีตเตอร์ เรียก บิล พี่ชาย รอน วีสลีย์ ในบทความของหนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ต
" loony loopy Lupin " ( ลูปิน บ๊องตื้น สติไม่ดี )
เป็นชื่อที่พีฟส์ ผีโพลในโรงเรียน ฮอกวอตส์ ใช้เรียก ศาสตราจารย์ ลูปิน ตอนที่เขามาสอน แฮร์รี่ พอตเตอร์ ในปีที่ 3
" mudblood " ( เลือดสีโคลน )
เป็นคำเรียกพวกพ่อด แม่มดที่เกิดจากมักเกิ้ล โดยเอ่ยขึ้นครั้งแรกในเล่ม 2 ผู้ที่เอ่ยขึ้นคือ เดรโก มัลฟอย เป็นภาษาที่ไม่ใช้ทั่วไปในหมู่คนที่เจริญแล้ว
" pea-brain " ( สมองถั่ว )
รอน วีสลีย์ ใช้เรียกโทรลล์ตอนอยู่ในห้องน้ำหญิง ในเล่ม 1 ตอนช่วย เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์
" Phlegm " ( เฟล็ม )
เป็นชื่อที่ จินนี่ เรียก เฟลอร์ โดยเขาแต่งขึ้นเพราะว่ารำคาญ เฟลอร์ และ ไม่ชอบพฤติกรรมของเธอ ตอนที่อาศัยอยู่ที่โพรงกระต่าย
" potty wee Potter " ( พอตตี้ตัวจิ๋ว )
เป็นชื่อที่ พีฟส์ ผีโพลในโรงเรียนเวทมนศาสตร์ ฮอกวอตส์ เรียก แฮร์รี่ พอตเตอร์
" Potty and the Weasel " ( พอตตี้กับวีเซล )
เป็นชื่อที่มัลฟอยเรียก แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ รอน วีสลีย์
" Pretty Boy Diggory " ( สุภาพบุรุษดิกกอรี่ )
เชมัส ใช้เรียก เซดริก ดิกเกอรี่ แต่มันก็ทำให้พวกนักเรียนบ้าน ฮัฟเฟิลพัฟ ถลึงตาใส่เขา
Roonzil Wazlib ( รูนซีล วาซลิบ )
เป็นชื่อที่ รอน วีสลีย์ เขียนผิดในการบ้านของ ศาสตราจารย์ สเนป
" Squib " ( สควิบ )
เป็นคำที่ใช้เรียกพ่อมด แม่มดที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ แต่เกิดในครอบครัวที่มีสายเลือดของผู้วิเศษ
" Scarhead " ( หัวแผลเป็น )
เป็นชื่อที่ เดรโก มัลฟอย ใช้เรียก แฮร์รี่ พอตเตอร์
He-Who-Must-Not-Be-Named ( Voldemort )
แปลว่า คนที่รู้ว่าใคร หรือ คนที่ไม่ควรเอ่ยนาม เป็นชื่อที่ชุมชนผู้วิเศษพูดถึง ลอร์ด โวลเดอมอร์
Marauders ( ตัวกวน )
ใช้เรียกกลุ่มของ เจมส์ พอตเตอร์ , ซิเรียส แบล๊ก , รีมัส ลูปิน และ ปีเตอร์ เพ็ตติกรู เมื่อวัยเยาว์
Moony ( Remus Lupin ) ( จันทร์เจ้า )
เป็นชื่อที่เพื่อนในกลุ่มที่เรียก ศาสตราจารย์ ลูปิน ตามมนุษย์หมาป่าที่เขาเป็น
Padfoot ( Sirius Black ) ( เท้าปุย )
เป็นชื่อที่เพื่อนในกลุ่มเรียก ซิเรียส แบล๊ก เพราะว่า ซิเรียส เป็นแอนนิเมจัสที่แปลงร่างเป็นหมาสีดำได้ ในเล่ม 3 แฮร์รี่ พอตเตอร์ เห็นซีเรียสนึกว่ากริม.
Prongs ( James Potter ) ( เขาแหลม )
เป็นชื่อเรียก เจมส์ พอตเตอร์ ใช้ในกลุ่มเพื่อนๆของเขาพวกเขาเมื่อเด็ก
Wormtail ( Peter Pettigrew ) ( หางหนอน )
ใช้เรียกแทนชื่อ ปีเตอร์ เพ็ตติกรู ตามแอนนิเมจัสที่เขาเป็น คือ หนู
Snuffles ( Sirius Black ) ( สนัฟเฟิล )
เป็นชื่อที่ ซิเรียส ตั้งขึ้นเพื่อให้ แฮร์รี่ , รอน และ เฮอร์ไมโอนี่ ติดต่อเขาเวลาเขียนจดหมายมาหา เพื่อไม่ให้ใครรู้ และ ป้องกันการสกัดนกฮูกก่อนถึงมือผู้รับ
my sweet ( หวานใจ )
เป็นชื่อที่ ฟิลซ์ ผีโพลในโรงเรียน ฮอกวอตส์ ใช้เรียกคุณนายนอริส แมวของฟลิ้น ภารโรงโรงเรียนเวทมนตร์ศาสตร์ ฮอกวอตส์
Weasel King ( Ron Weasley ) ( ราชันย์วีสลีย )
เป็นชื่อที่ เดรโก มัลฟอย แต่งขึ้นในเพลงซึ่งใช้ล้อเลียน รอน ตอนแข่งควิดดิช
Won-Won ( Ron Weasley ) ( วอน-วอน )
เป็นชื่อที่ ลาเวนเดอร์ เรียก รอน ตอนเป็นแฟนกันในเล่ม 6 คือเธอออกเสียงไม่ชัดซะมากกว่า
Pinhead ( หัวเข็มหมุด )
เป็นชื่อที่สองฝาแฝด เฟร็ด กับ จอร์ท วีสลีย์ พยายามเสกไว้ในตราพรีเฟ็คของ เพอร์ซี่ ตอนที่เขาได้เป็นประธานนักเรียนโรงเรียน ฮอกวอตส์
Weatherby ( เวอร์เธอบี )
เป็นชื่อที่ บาร์ตี้ เคร้าซ์ เรียก เพอร์ซี่ วีสลีย์ ตอนงาน ควิดดิชเวิลล์คัพ ในเล่มที่ 4
สายเลือดพ่อมด แม่มดในหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์
พ่อของแฮร์รี่ พอตเตอร์ คือ เจมส์ พอตเตอร์ ซึ่งเป็นสายเลือดตระกูลพ่อมด ส่วนแม่คือ ลิลี่ อีวานส์ พอตเตอร์ เป็นบุตรจากมักเกิ้ล
ทั้งคู่ถูกฆ่าตายโดยฝีมือของโวลเดอมอร์ขณะหลบหนีการตามล่าไปพักซ่อนที่ก็อดดริกฮอลโลว์ วันที่ทั้งคู่ตายคือตอนเย็นของวันที่ 31 ตุลาคม 1981
ตระกูลแบล็กเป็นตระกูลเวทมนตร์เก่าแก่ และเป็นตระกูลเวทมนตร์ประเภทเลือดแท้ ซึ่งเชื่อว่าตระกูลของตนมีเลือดสูงส่ง และ ไม่ต้องการให้เลือด ของตนไปปะปนกับพวกมักเกิ้ล บรรพบุรุษคนหนึ่งของซีเรียสก็คือ ฟินีแอส ไนจีลลัส ซึ่งเป็นหนึ่งในอาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์ ( ได้รับความนิยมน้อยที่สุด) ปู่ของซีเรียสเป็นพ่อมดที่เก่งกาจ เคยได้รับรางวัลเหรียญเมอร์ลินชั้นที่ 1 สำหรับผลงานในการช่วยเหลือกระทรวงเวทมนตร์ แต่พ่อของซีเรียสเป็นคน เข้มงวด แม่ของซีเรียสเป็นคนที่โมโหร้าย และป่าเถื่อน ( รูปของเธอมักจะกรีดร้องใส่พรรคพวกของแฮร์รี่เสมอ) ตระกูลนี้คลั่งไปกับเรื่องเลือดบริสุทธิ์
ซึเรียสไม่สามารถทนสภาพนี้ได้จึงหนีออกจากบ้านและมาอยู่กับครอบครัวพอตเตอร์ ลูกพี่ลูกน้องของซีเรียสที่สำคัญ คือ เบลลาทริกซ์ ซึ่งเธอและสามีเป็นพวกผู้เสพความตาย และเบลลาทริกซ์ก็เป็นผู้ฆ่าซีเรียส ซีเรียสมีน้องชายอยู่คนหนึ่งชื่อ เรกูลัส ซึ่งเข้าร่วมกับผู้เสพความตาย แต่ต้องตายตั้งแต่อายุน้อย จึงเหลือซีเรียสคนเดียวซึ่งเป็นผู้ชายที่เหลืออยู่ ( ลูกของลุงมีแต่ผู้หญิง) ดังนั้น เมื่อซีเรียสตาย คฤหาสน์ของซีเรียสจึงตกเป็นของแฮร์รี่ เนื่องจากซีเรียสเป็นพ่อทูนหัวของแฮร์รี่
อาหาร และ เครื่องดื่มในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์
อาหาร และ เครื่องดื่ม ที่ปรากฎในหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ นั้นมีมากมายเลยครับ แต่ที่เห็นอยู่บ่อยๆก็มี เช่น บัตเตอร์เบียร์ , น้ำฟักทอง ฯลฯ และ อาหารที่ปรากฎในหนังสือก็มีมากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ท็อฟฟี่น้ำตาลข้น หรือ เค้กหิน ของแฮกริด ก็ไม่วายทำให้เหล่าแฟนคลับ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ต่างใฝ่มันอยากจะลิ้มลองกันเป็นแถว
อาหารที่ปรากฎในหนังสือ
เค้กหิน - เป็นเค้กฝีมือ แฮกริด ที่เอาไว้ต้อนรับแขกที่มาเยือนกระท่อม หนึ่งในนั้น คือ เหล่า 3 สหาย แฮร์รี่ , รอน และ เฮอร์ไมโอนี่ครับ เค้กที่มีลักษณะแข็งมาก แข็งมากๆ มากพอที่จะทำให้ฟันหักได้สบายๆ
พายนานาชนิด - เป็นอาหารที่มักปรากฎในงานเลี้ยงตอนเปิดเรียนโรงเรียน Hogwarts
ท็อฟฟี่น้ำตาล - เป็นหนึ่งในขนมฝีมือ แฮกริด ลักษณะ รสชาติไม่มีบรรยายไว้ แต่ท่าทางแล้วน่าจะแข็งเหมือนเค้ก
เครื่องดื่มที่ปรากฎในหนังสือ
บัตเตอร์เบียร์ - นับว่าเป็นที่นิยมชมชอบมากในหมู่ผู้วิเศา พ่อมด และ แม่มด บัตเตอร์เบียร์ ไม่ใช่ เบียร์ ที่จัดอยู่ในประเภทของมึนเมา , บัตเตอร์เบียร์เวลาดื่มแล้วจะรู้สึกอบอุ่นร่างกาย มักนิยมดื่มในช่วงฤดูหนาว
น้ำฟักทอง - มักปรากฎในงานเลี้ยงตอนเปิดเทอมของโรงเรียน Hogwarts ว่ากันว่าอร่อยมาก
วิสกี๊ไฟ - ปรากฎครั้งแรกในหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ภาคีนกฟีนิกส์ ในตอนที่ เฮอร์ไมโอนี่ นัดไปประชุม คนที่จะเข้าร่วม กด. แล้วรอนพูดว่า เราจะสั่งอะไรก็ได้ในร้านนี้ " ฉันอยากกินวิสกี๊ไฟมานานแล้ว รับรองได้ นายนั่นยอมขายให้เราหมดทุกอย่าง "
เหล้าน้ำผึ้ง - เหล้าน้ำผึ้งปรากฏในเล่ม 6 ตอน เรื่องตื่นเต้นในวันเกิด ที่ ซลักฮอร์น ส่งให้ รอนดื่ม ปรากฏว่ามียาพิดอยู่ในนั้น
อาหารที่ปรากฎในหนังสือ
เค้กหิน - เป็นเค้กฝีมือ แฮกริด ที่เอาไว้ต้อนรับแขกที่มาเยือนกระท่อม หนึ่งในนั้น คือ เหล่า 3 สหาย แฮร์รี่ , รอน และ เฮอร์ไมโอนี่ครับ เค้กที่มีลักษณะแข็งมาก แข็งมากๆ มากพอที่จะทำให้ฟันหักได้สบายๆ
พายนานาชนิด - เป็นอาหารที่มักปรากฎในงานเลี้ยงตอนเปิดเรียนโรงเรียน Hogwarts
ท็อฟฟี่น้ำตาล - เป็นหนึ่งในขนมฝีมือ แฮกริด ลักษณะ รสชาติไม่มีบรรยายไว้ แต่ท่าทางแล้วน่าจะแข็งเหมือนเค้ก
เครื่องดื่มที่ปรากฎในหนังสือ
บัตเตอร์เบียร์ - นับว่าเป็นที่นิยมชมชอบมากในหมู่ผู้วิเศา พ่อมด และ แม่มด บัตเตอร์เบียร์ ไม่ใช่ เบียร์ ที่จัดอยู่ในประเภทของมึนเมา , บัตเตอร์เบียร์เวลาดื่มแล้วจะรู้สึกอบอุ่นร่างกาย มักนิยมดื่มในช่วงฤดูหนาว
น้ำฟักทอง - มักปรากฎในงานเลี้ยงตอนเปิดเทอมของโรงเรียน Hogwarts ว่ากันว่าอร่อยมาก
วิสกี๊ไฟ - ปรากฎครั้งแรกในหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ภาคีนกฟีนิกส์ ในตอนที่ เฮอร์ไมโอนี่ นัดไปประชุม คนที่จะเข้าร่วม กด. แล้วรอนพูดว่า เราจะสั่งอะไรก็ได้ในร้านนี้ " ฉันอยากกินวิสกี๊ไฟมานานแล้ว รับรองได้ นายนั่นยอมขายให้เราหมดทุกอย่าง "
เหล้าน้ำผึ้ง - เหล้าน้ำผึ้งปรากฏในเล่ม 6 ตอน เรื่องตื่นเต้นในวันเกิด ที่ ซลักฮอร์น ส่งให้ รอนดื่ม ปรากฏว่ามียาพิดอยู่ในนั้น
รากฐานที่มาของชื่อในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์
เดรโก มัลฟอย
- ชื่อแรกของเดรโก เป็นคำละตินที่แปลได้ทั้ง มังกร และ อสรพิษ
ปาราวตี พาติล
- ปาราวตี คือ เทพธิดาชาวฮินดู
แฮร์รี่ พอตเอตร์
- ชื่อ แฮร์รี่ ไม่มี ความหมายแต่ พอตเตอร์ มีความหมายเกี่ยวกับชื่อที่มาจากคัมภีร์ไบเบิล คือ ทุ่งพอตเตอร์
จินนี่ วีสลีย์
- ชื่อ จินนี่ มีความหมายว่า พรหมจารี หรือ บริสุทธิ์
รอน วีสลีย์
- ชื่อรอน มาจากแม่ทัพโบราณชื่อรันนิ่ง วีเซล เป็นนักเล่นหมากรุกที่เก่งเหมือนรอน และ ตายด้วยอุบัติเหตุเกี่ยวกับหนูที่ถูกย้อมเป็นสีเหลือง
โอลิเวอร์ วู้ด
- วู้ดฟังคล้ายคำว่า แว้ดที่หมายถึงบ้า หรือ คลั่ง เช่นเดียวกนที่วู้ดคลั่งกีฬาควิชดิชมาก
ชื่อที่นำมาจากชื่อของสถานที่
1.บาธิลดา แบ็กช็อต (ผู้เขียนตำราประวัติศาสตร์เวทมนตร์ปี1)แบ็กช็อต(bagshot)เป็นชื่อเมืองที่อยู่ในกรุงลอนดอน.
2.เดอร์สลีย์ ชื่อเมืองเกิดของเจ.เค.โรว์ลิ่ง
3.ฟีเรนซี ชื่อภาษาอิตาลีของเมืองฟรอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
4.ศ.ฟลิตวิก ชื่อเมืองแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ
5.ศ.เซเวอร์รัส สเนป ชื่อหมู่บ้านแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ
ชื่อที่นำมาจากภาษาต่างประเทศ
1.โบซ์บาตง มาจากภาษาผรั่งเศส หมายถึงไม้กายสิทธิ์แสนสวย
2.เฟลอร์ เดอลากูร์ มาจากภาษาผรั่งเศส หมายถึงดอกไม้ในราชสำนัก
3.โมแซ็ก(ชื่อของแมงมุมตัวเมีย คู่ของอาราก็อก)มาจากภาษาแกลิค หมายถึงหญิงสกปรก
ชื่อที่นำมาจากตัวละครในวรรณคดี
1.เซดริก ดิกกอรี่ มาจากชื่อของดิกกอรี่ เคิร์ก วีรบุรุษในดวงใจของเจ.เค.โรว์ลิ่ง จากเรื่องปูมบันทึกแห่งนาร์เนีย
2.มาร์คัส ฟลินต์ มาจากชื่อของกัปตันฟลินต์ในเรื่องเกาะมหาสมบัติ
ชื่อที่นำมาจากบุคคลในประวัติศาสตร์
1.ซัลลาซาร์ สลิธีริน นำมาจากชื่อของจอมเผด็จการแห่งโปตุเกสที่ชื่อ แอนโทนีโอ เดอ โอริเวียร่า ซัลลาซาร์
ชื่อที่นำมาจากตำนานและเทพนิยาย
1.เฮอร์เมส(นกฮูกของเพอซี่)มาจากชื่อผู้นำสารแห่งเทพเจ้ากรีก
2.เฮอไมโอนี่ เป็นคำแสดงความเป็นผู้หญิงของเฮอร์เมส
หมายถึงเทพีแห่งสติปัญาของกรีก
3.ปาราวตี พาติล มาจากชื่อของเทพธิดาปาราวตี เทพธิดาในศาสนาฮินดู
ชื่อที่นำมาจากภาษาต่างประเทศ
1.โบซ์บาตง มาจากภาษาผรั่งเศส หมายถึงไม้กายสิทธิ์แสนสวย
2.เฟลอร์ เดอลากูร์ มาจากภาษาผรั่งเศส หมายถึงดอกไม้ในราชสำนัก
3.โมแซ็ก(ชื่อของแมงมุมตัวเมีย คู่ของอาราก็อก)มาจากภาษาแกลิค หมายถึงหญิงสกปรก
ชื่อที่นำมาจากตัวละครในวรรณคดี
1.เซดริก ดิกกอรี่ มาจากชื่อของดิกกอรี่ เคิร์ก วีรบุรุษในดวงใจของเจ.เค.โรว์ลิ่ง จากเรื่องปูมบันทึกแห่งนาร์เนีย
2.มาร์คัส ฟลินต์ มาจากชื่อของกัปตันฟลินต์ในเรื่องเกาะมหาสมบัติ
ชื่อที่นำมาจากบุคคลในประวัติศาสตร์
1.ซัลลาซาร์ สลิธีริน นำมาจากชื่อของจอมเผด็จการแห่งโปตุเกสที่ชื่อ แอนโทนีโอ เดอ โอริเวียร่า ซัลลาซาร์
ชื่อที่นำมาจากตำนานและเทพนิยาย
1.เฮอร์เมส(นกฮูกของเพอซี่)มาจากชื่อผู้นำสารแห่งเทพเจ้ากรีก
2.เฮอไมโอนี่ เป็นคำแสดงความเป็นผู้หญิงของเฮอร์เมส
หมายถึงเทพีแห่งสติปัญาของกรีก
3.ปาราวตี พาติล มาจากชื่อของเทพธิดาปาราวตี เทพธิดาในศาสนาฮินดู
ชื่อที่นำมาจากนักบุญ
1.เฮ็ดวิก นักบุญชาวเยอรมันในช่วงคริสตศววษที่ 12
2.โรแนน(ชื่อของเซ็นทอร์ในป่าต้องห้าม)นักบุญชาวไอริส บางคนก้อ่านออกเสียงว่าโรนัน
- ชื่อแรกของเดรโก เป็นคำละตินที่แปลได้ทั้ง มังกร และ อสรพิษ
ปาราวตี พาติล
- ปาราวตี คือ เทพธิดาชาวฮินดู
แฮร์รี่ พอตเอตร์
- ชื่อ แฮร์รี่ ไม่มี ความหมายแต่ พอตเตอร์ มีความหมายเกี่ยวกับชื่อที่มาจากคัมภีร์ไบเบิล คือ ทุ่งพอตเตอร์
จินนี่ วีสลีย์
- ชื่อ จินนี่ มีความหมายว่า พรหมจารี หรือ บริสุทธิ์
รอน วีสลีย์
- ชื่อรอน มาจากแม่ทัพโบราณชื่อรันนิ่ง วีเซล เป็นนักเล่นหมากรุกที่เก่งเหมือนรอน และ ตายด้วยอุบัติเหตุเกี่ยวกับหนูที่ถูกย้อมเป็นสีเหลือง
โอลิเวอร์ วู้ด
- วู้ดฟังคล้ายคำว่า แว้ดที่หมายถึงบ้า หรือ คลั่ง เช่นเดียวกนที่วู้ดคลั่งกีฬาควิชดิชมาก
ชื่อที่นำมาจากชื่อของสถานที่
1.บาธิลดา แบ็กช็อต (ผู้เขียนตำราประวัติศาสตร์เวทมนตร์ปี1)แบ็กช็อต(bagshot)เป็นชื่อเมืองที่อยู่ในกรุงลอนดอน.
2.เดอร์สลีย์ ชื่อเมืองเกิดของเจ.เค.โรว์ลิ่ง
3.ฟีเรนซี ชื่อภาษาอิตาลีของเมืองฟรอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
4.ศ.ฟลิตวิก ชื่อเมืองแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ
5.ศ.เซเวอร์รัส สเนป ชื่อหมู่บ้านแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ
ชื่อที่นำมาจากภาษาต่างประเทศ
1.โบซ์บาตง มาจากภาษาผรั่งเศส หมายถึงไม้กายสิทธิ์แสนสวย
2.เฟลอร์ เดอลากูร์ มาจากภาษาผรั่งเศส หมายถึงดอกไม้ในราชสำนัก
3.โมแซ็ก(ชื่อของแมงมุมตัวเมีย คู่ของอาราก็อก)มาจากภาษาแกลิค หมายถึงหญิงสกปรก
ชื่อที่นำมาจากตัวละครในวรรณคดี
1.เซดริก ดิกกอรี่ มาจากชื่อของดิกกอรี่ เคิร์ก วีรบุรุษในดวงใจของเจ.เค.โรว์ลิ่ง จากเรื่องปูมบันทึกแห่งนาร์เนีย
2.มาร์คัส ฟลินต์ มาจากชื่อของกัปตันฟลินต์ในเรื่องเกาะมหาสมบัติ
ชื่อที่นำมาจากบุคคลในประวัติศาสตร์
1.ซัลลาซาร์ สลิธีริน นำมาจากชื่อของจอมเผด็จการแห่งโปตุเกสที่ชื่อ แอนโทนีโอ เดอ โอริเวียร่า ซัลลาซาร์
ชื่อที่นำมาจากตำนานและเทพนิยาย
1.เฮอร์เมส(นกฮูกของเพอซี่)มาจากชื่อผู้นำสารแห่งเทพเจ้ากรีก
2.เฮอไมโอนี่ เป็นคำแสดงความเป็นผู้หญิงของเฮอร์เมส
หมายถึงเทพีแห่งสติปัญาของกรีก
3.ปาราวตี พาติล มาจากชื่อของเทพธิดาปาราวตี เทพธิดาในศาสนาฮินดู
ชื่อที่นำมาจากภาษาต่างประเทศ
1.โบซ์บาตง มาจากภาษาผรั่งเศส หมายถึงไม้กายสิทธิ์แสนสวย
2.เฟลอร์ เดอลากูร์ มาจากภาษาผรั่งเศส หมายถึงดอกไม้ในราชสำนัก
3.โมแซ็ก(ชื่อของแมงมุมตัวเมีย คู่ของอาราก็อก)มาจากภาษาแกลิค หมายถึงหญิงสกปรก
ชื่อที่นำมาจากตัวละครในวรรณคดี
1.เซดริก ดิกกอรี่ มาจากชื่อของดิกกอรี่ เคิร์ก วีรบุรุษในดวงใจของเจ.เค.โรว์ลิ่ง จากเรื่องปูมบันทึกแห่งนาร์เนีย
2.มาร์คัส ฟลินต์ มาจากชื่อของกัปตันฟลินต์ในเรื่องเกาะมหาสมบัติ
ชื่อที่นำมาจากบุคคลในประวัติศาสตร์
1.ซัลลาซาร์ สลิธีริน นำมาจากชื่อของจอมเผด็จการแห่งโปตุเกสที่ชื่อ แอนโทนีโอ เดอ โอริเวียร่า ซัลลาซาร์
ชื่อที่นำมาจากตำนานและเทพนิยาย
1.เฮอร์เมส(นกฮูกของเพอซี่)มาจากชื่อผู้นำสารแห่งเทพเจ้ากรีก
2.เฮอไมโอนี่ เป็นคำแสดงความเป็นผู้หญิงของเฮอร์เมส
หมายถึงเทพีแห่งสติปัญาของกรีก
3.ปาราวตี พาติล มาจากชื่อของเทพธิดาปาราวตี เทพธิดาในศาสนาฮินดู
ชื่อที่นำมาจากนักบุญ
1.เฮ็ดวิก นักบุญชาวเยอรมันในช่วงคริสตศววษที่ 12
2.โรแนน(ชื่อของเซ็นทอร์ในป่าต้องห้าม)นักบุญชาวไอริส บางคนก้อ่านออกเสียงว่าโรนัน
วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554
เรื่องสนุกๆเกี่ยวกับ แฮร์รี่ พอตเตอร์
- ถ้านำเอาหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกเล่มที่ขายได้ มาวางเรียงต่อกัน จะสามาระวางรอบโลกได้ 1.6 รอบตามเส้นศูนย์สูตร
- ถ้าเอาหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกเล่มที่ขายได้มาวางเรียงต่อกันแบบพื้นที่ จะคลอบคลุมพื้นที่สนามฟุตบอลได้ถึง 1,200 สนาม หรือ สามารถคลอบคุลมประเทศ โนนาโค ได้ 4.4 ครั้ง
- จำนวนหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกเล่มที่ขายได้ มีจำนวนมากกว่าประชากรทั้งหมดของประเทศ สหรัฐอเมริกา หรือ มากกว่า 295 เล่มนั่นเอง
- วันแรกที่ขายหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ เจ้าชายเลือดผสม ที่ประเทศอังกฤษ สามารถขายได้เร็วถึง 23 เล่มต่อวินาที
- ถ้าเอาหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกเล่มที่วางขายได้ในวันแรก เฉพาะประเทศอังกฤษมาตั้งซ้อนกัน จะสูงกว่าเทือกเขา เอเวอเรสต์ 11 เท่า หรือ มากกว่า 97,289 เมตร หรือ 319187 ฟุต สูงจากระดับน้ำทะเล
- ถ้านำหนังสือทุกเล่มของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่วางขายได้ มาเรียนต่อกันเป็นเส้นตรง และ เดินตามเส้นนั้น คนเราจะต้องใช้เวลาเดินกว่า 1.5 ปี หรือ ถ้าใช้รถแข่ง ฟอร์มูล่า 1 ( วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด ) จะใช้เวลากว่า 7 วันเลยทีเดียว
- ตั้งแต่ตีพิมพ์หนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่ม 1 ครั้งแรก หนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ขายได้ด้วยความเร็ว 90,000 เล่มต่อวัน จำนวนหนังสือที่ขายได้นี้ เท่ากับจำนวนของที่นั่งในสนามฟุตบอล เวมบลี ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และ ด้วยความเร็วนี้จะมีคนซื้อ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เพิ่มไปแล้วอีก 15 เล่มในระยะเวลาที่คุณอ่านข้อเท็จจริงนี้
- หนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกเล่มที่ขายได้มีน้ำหนักเท่ากับช้างแอฟริกัน 25,000 ตัว , มังกรโคโมโด 2 ล้านตัว หรือ นกฮูกหิมะ 70 ล้านตัว
- จำนวนหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกเล่มที่ขายได้นี้ มีมากกว่าจำนวนหนังสือในห้องสมุดแห่งชาติ ของประเทศอังกฤษ ถึง 13 เท่า
- ถ้าเอาคำทุกคำของหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกเล่มที่ขายได้ จัดสรรให้ทุกคนในโลกนี้ แต่ละคนจะมี 8,000 คำประจำตัว
- คนหนึ่งคนต้องใช้เวลา 2,600 ปี ในการอ่านหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ เจ้าชายเลือดผสม ทุกเล่มที่ขายได้ในวันแรกที่วางตลาด เฉพาะในอังกฤษเท่านั้น ไม่รวมยอดขายทั่วโลก
- การอ่านหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่มใหม่ หรือ Harry Potter and the Deathly Hallows สามารถเผาพลานพลังงานเทียบเท่ากับซ๊อกโกแลต 4 แท่ง
- คำพูดของ เจสัน คอกครอฟท์ นักวาดภาพปกหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ภาคีนกฟีนิกส์ และ เจ้าชายเลือดผสม
" ผมจำได้ว่าตอนที่มีคนมาขอให้ผมวาดภาพปกหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ภาคีนกฟีนิกส์ ตอนนั้น ผมกำลังยุ่งมากกับการวาดภาพหนังสือนิทานหลายเล่ม ผมปิดห้อง แล้วก็ทำงานโดยไม่รับโทรศัพท์อะไรทั้งนั้น ยูนิส แมคมัลแลน เอเยนต์ของผม ฝากข้อความด่วนในโทรศัพท์ของผมว่า มีคนจ้างผมวาดภาพปกหนังสือเล่มหนึ่ง และ ผมควรจะอยู่ทำสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้ทั้งหมด เดี๋ยวนี้!! นั้นเพราะว่า + คุณต้องการงานนนี้แน่นอน + วงการหนังสือเยาวชนมีงานที่น่าสนใจมากมาย แต่เมื่อเอเยนต์ของคุณสั่งให้หยุดทำงานอื่นๆ เพื่อโทรหาเธอเดี๋ยวนี้ คุณคงจะพอรู้ว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร ตอนแรกผมรู้สึกตื่นเต้น และ ประมาณสามสิบวินาที ผมก็เริ่มรู้สึกตัวใหม่ "
" ถึงแม้ผมจะรู้ว่าสำนักพิมพ์หลายแห่ง และ ผู้เขียน JK.Rownlig ชอบปกของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ภาคีนกฟีนิกส์ และ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ เจ้าชายเลือดผสม มากก็ตาม ผมก็ไม่มั่นใจว่าจะได้วาดภาพปกของเล่มสุดท้ายหรือไม่? ผมเคยคิดว่าทาง สำนักพิมพ์อาจต้องการให้ปกเล่มสุดท้ายมีพลังเป็นพิเศษ โดยไม่ใช่ภาพวาดอะไรเลย แต่ใช้เพียงรูปสัญลักษณ์ แต่ท้ายที่สุด ผมก็รู้สึกดีใจ และ ภูมิใจมากที่ได้รับเลือกให้วาดภาพปกของหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่มสุดท้าย! "
" ผมพูดได้เลยว่าการวาดภาพปกของหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นงานที่สนุกที่สุดตั้งแต่ผมเป็นนักวาดภาพประกอบมาเลย โอกาศดีๆที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง ( ถึงจะเป็นส่วนเล็กๆก็ตาม ) ของโปรเจคที่มีคนชื่นชอบมากขนาดนี้ และ มีความสำคัญทางวัฒนธรรมอย่าง แฮร์รี่ พอตเตอร์ มันไม่ได้มาง่ายๆ และ ผมรู้สึกซาบซึ้งใจกับโอกาศนี้มากครับ ! "
- ถ้าเอาหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกเล่มที่ขายได้มาวางเรียงต่อกันแบบพื้นที่ จะคลอบคลุมพื้นที่สนามฟุตบอลได้ถึง 1,200 สนาม หรือ สามารถคลอบคุลมประเทศ โนนาโค ได้ 4.4 ครั้ง
- จำนวนหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกเล่มที่ขายได้ มีจำนวนมากกว่าประชากรทั้งหมดของประเทศ สหรัฐอเมริกา หรือ มากกว่า 295 เล่มนั่นเอง
- วันแรกที่ขายหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ เจ้าชายเลือดผสม ที่ประเทศอังกฤษ สามารถขายได้เร็วถึง 23 เล่มต่อวินาที
- ถ้าเอาหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกเล่มที่วางขายได้ในวันแรก เฉพาะประเทศอังกฤษมาตั้งซ้อนกัน จะสูงกว่าเทือกเขา เอเวอเรสต์ 11 เท่า หรือ มากกว่า 97,289 เมตร หรือ 319187 ฟุต สูงจากระดับน้ำทะเล
- ถ้านำหนังสือทุกเล่มของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่วางขายได้ มาเรียนต่อกันเป็นเส้นตรง และ เดินตามเส้นนั้น คนเราจะต้องใช้เวลาเดินกว่า 1.5 ปี หรือ ถ้าใช้รถแข่ง ฟอร์มูล่า 1 ( วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด ) จะใช้เวลากว่า 7 วันเลยทีเดียว
- ตั้งแต่ตีพิมพ์หนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่ม 1 ครั้งแรก หนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ขายได้ด้วยความเร็ว 90,000 เล่มต่อวัน จำนวนหนังสือที่ขายได้นี้ เท่ากับจำนวนของที่นั่งในสนามฟุตบอล เวมบลี ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และ ด้วยความเร็วนี้จะมีคนซื้อ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เพิ่มไปแล้วอีก 15 เล่มในระยะเวลาที่คุณอ่านข้อเท็จจริงนี้
- หนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกเล่มที่ขายได้มีน้ำหนักเท่ากับช้างแอฟริกัน 25,000 ตัว , มังกรโคโมโด 2 ล้านตัว หรือ นกฮูกหิมะ 70 ล้านตัว
- จำนวนหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกเล่มที่ขายได้นี้ มีมากกว่าจำนวนหนังสือในห้องสมุดแห่งชาติ ของประเทศอังกฤษ ถึง 13 เท่า
- ถ้าเอาคำทุกคำของหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกเล่มที่ขายได้ จัดสรรให้ทุกคนในโลกนี้ แต่ละคนจะมี 8,000 คำประจำตัว
- คนหนึ่งคนต้องใช้เวลา 2,600 ปี ในการอ่านหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ เจ้าชายเลือดผสม ทุกเล่มที่ขายได้ในวันแรกที่วางตลาด เฉพาะในอังกฤษเท่านั้น ไม่รวมยอดขายทั่วโลก
- การอ่านหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่มใหม่ หรือ Harry Potter and the Deathly Hallows สามารถเผาพลานพลังงานเทียบเท่ากับซ๊อกโกแลต 4 แท่ง
- คำพูดของ เจสัน คอกครอฟท์ นักวาดภาพปกหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ภาคีนกฟีนิกส์ และ เจ้าชายเลือดผสม
" ผมจำได้ว่าตอนที่มีคนมาขอให้ผมวาดภาพปกหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ภาคีนกฟีนิกส์ ตอนนั้น ผมกำลังยุ่งมากกับการวาดภาพหนังสือนิทานหลายเล่ม ผมปิดห้อง แล้วก็ทำงานโดยไม่รับโทรศัพท์อะไรทั้งนั้น ยูนิส แมคมัลแลน เอเยนต์ของผม ฝากข้อความด่วนในโทรศัพท์ของผมว่า มีคนจ้างผมวาดภาพปกหนังสือเล่มหนึ่ง และ ผมควรจะอยู่ทำสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้ทั้งหมด เดี๋ยวนี้!! นั้นเพราะว่า + คุณต้องการงานนนี้แน่นอน + วงการหนังสือเยาวชนมีงานที่น่าสนใจมากมาย แต่เมื่อเอเยนต์ของคุณสั่งให้หยุดทำงานอื่นๆ เพื่อโทรหาเธอเดี๋ยวนี้ คุณคงจะพอรู้ว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร ตอนแรกผมรู้สึกตื่นเต้น และ ประมาณสามสิบวินาที ผมก็เริ่มรู้สึกตัวใหม่ "
" ถึงแม้ผมจะรู้ว่าสำนักพิมพ์หลายแห่ง และ ผู้เขียน JK.Rownlig ชอบปกของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ภาคีนกฟีนิกส์ และ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ เจ้าชายเลือดผสม มากก็ตาม ผมก็ไม่มั่นใจว่าจะได้วาดภาพปกของเล่มสุดท้ายหรือไม่? ผมเคยคิดว่าทาง สำนักพิมพ์อาจต้องการให้ปกเล่มสุดท้ายมีพลังเป็นพิเศษ โดยไม่ใช่ภาพวาดอะไรเลย แต่ใช้เพียงรูปสัญลักษณ์ แต่ท้ายที่สุด ผมก็รู้สึกดีใจ และ ภูมิใจมากที่ได้รับเลือกให้วาดภาพปกของหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่มสุดท้าย! "
" ผมพูดได้เลยว่าการวาดภาพปกของหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นงานที่สนุกที่สุดตั้งแต่ผมเป็นนักวาดภาพประกอบมาเลย โอกาศดีๆที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง ( ถึงจะเป็นส่วนเล็กๆก็ตาม ) ของโปรเจคที่มีคนชื่นชอบมากขนาดนี้ และ มีความสำคัญทางวัฒนธรรมอย่าง แฮร์รี่ พอตเตอร์ มันไม่ได้มาง่ายๆ และ ผมรู้สึกซาบซึ้งใจกับโอกาศนี้มากครับ ! "
เรื่องที่ควรรู้ เกี่ยวกับแฮร์รี่ พอตเตอร์
15 เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับแฮร์รี่ พอตเตอร์
1.แฮร์รี่ พอตเตอร์ ตีพิมพ์ออกมาแล้ว 4 ภาค โดยที่เจ เค โรว์ลิ่ง วางพล็อตเรื่องไว้ 7 ภาคจบ ขายได้เป็นจำนวนมากมายมหา*ถึง 110 ล้านเล่มทั่วโลก ถูกแปลเป็นภาษาต่างๆมากกว่า 40 ภาษาตั้งแต่ภาษาอัลบาเนียนถึงภาษาซูลู ในภาคที่เป็นภาพยนตร์คือ Harry Potter and the Philosopher’s Stone หรือแฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ใช้งบประมาณในการสร้างทั้งหมด 125 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และถูกฉายในประเทศต่างๆโดยพากย์เสียงทับเป็นภาษาต่างๆถึง 24 ภาษาและเข้าฉายแบบมีซับไทเทิลภาษาอังกฤษใน 16 ประเทศ
2. เจ เค โรว์ลิ่ง ต้องเขียน แฮร์รี่ พอตเตอร์ ภาคแรกในร้านกาแฟที่ชื่อนิโคลสัน ในเมืองเอดินเบอระ สก็อตแลนด์ เนื่องจากที่แฟลตที่เธออยู่นั้นแคบและชื้นจนเกินกว่าที่จะเขียนหนังสือได้
3.มีข่าวว่าจริงๆ เจเค.เขียน แฮร์รี่ พอตเตอร์เล่ม 7 ไปแล้ว โดย แฮร์รี่ พอตเตอร์ในตอนสุดท้ายจะมีอายุ 17 พอดี ข่าวลือก็ละเอียดถึงขนาดที่ว่าคำจบสุดท้ายของหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ก็คือคำว่า Scars หรือแผลเป็นนั่นเอง โดยเนื้อหาของตัวเรื่องจะเน้นเรื่องความรักเร่าร้อนแบบหนังสือวัยรุ่น แต่ไม่โป๊
4. วันเกิดของเจ เค โรว์ลิ่งคือวันที่ 31 กรกฎาคม เป็นวันเดียวกับที่แฮร์รี่ พอตเตอร์เกิด และยังไม่พอ ดาเนียล แรดคลิฟฟ์ดาราเด็กที่แสดงเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ในหนังนั้นก็เกิดวันที่ 31 กรกฎาคม เช่นเดียวกัน
5. เบอร์ตี้ บอตต์ เยลลี่เม็ดทุกรสที่สร้างความแหวะให้กับผู้อ่านเพราะมีกระทั่งรสอ้วกและรสขี้หู จะถูกผลิตขึ้นมาจริงๆโดยบริษัทJelly Bellys และ Cap Candy โดยมี รสหญ้า,รสพริกไทยดำ,รสปลาซาร์ดีน แถมรสขี้มูกและรสอ้วกจริงๆแต่จะถูกคละกันมาในถุงสีแดงสดที่จะมีเยลลี่ทั้งหมด 38 รส
6. ชื่อหอพักของเด็กๆในโรงเรียนฮอกวอตส์ ที่มีความหมายดีอย่าง กริฟฟินดอร์ บ้านฮัฟเฟิลพัฟ บ้านเรเวนคลอ และบ้านสลิธีริน ถูกนึกขึ้นมาได้ขณะ เจเค.นั่งเครื่องบินอยู่ ชื่อทั้งหมดถูกบันทึกบนถุงอาเจียน
7. ร็อบบี้ โคลเทรน ผู้รับบทรูเบอัส แฮกริดชายร่างยักษ์ผู้ใจดี เคยทำงานเป็นคนขับรถของผู้กำกับมาร์ติน สกอร์เซซี่ ผู้กำกับจอมซาดิสต์ที่ผลิตหนังมันส์ๆอย่าง Taxi Driver Raging Bull Casino ฯลฯ
8. มีเด็กทั้งชาวอังกฤษและอเมริกันเข้ามาทดสอบบทแฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นจำนวนมากถึง 16,000 คน แต่เมื่อโรว์ลิ่งได้เห็นวิดีโอเทปของดาเนียล แรดคลิฟฟ์ที่เข้ามาทดสอบบท เดวิด เฮย์แมนโปรดิวเซอร์ของหนังเรื่องนี้กล่าวว่า “เจ เค ทำท่าดีใจและตื่นเต้นเหมือนกับเจอลูกชายในไส้ที่หายตัวไปเป็นเวลานาน”
9. อัลบั้มล่าสุดของ เจอรี่ ฮิลลิเวลล์ ที่ชื่อ Scream If You Wanna Go Faster มีเพลงเหนึ่งที่สาวซ่าคนนี้แต่งขึ้นจากแรงบันดาลใจที่ได้อ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ เพลงนี้ชื่อว่า Circles Round the Moon แถมเจอรี่ยังบอกด้วยว่า เพลงนี้น่าจะถูกเลือกให้เป็นเพลงนำในเรื่องด้วย แต่เธอต้องกินแห้วเพราะซาวด์แทร็คเป็นงานที่ออกโดย วอร์เนอร์ มิวสิค ขณะที่เจอรี่สังกัดอีเอ็มไอ
10. ที่ออสเตรียมีการตั้งโรงเรียนเพื่อสอนเรื่องของพ่อมด-แม่มดจริงๆที่ชื่อ Hexenschule โดยเรียนหลักสูตรทั้งหมด 6 เทอม เปิดสอนวิชาร่ายมนตร์ ผสมยาพิษ วิชาธรรมชาติวิทยา ดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ การนั่งสมาธิ และ การพยากรณ์ โดยมีและผู้ที่เรียนจบจะได้ประกาศนียบัตรวิชาเวทย์มนตร์ด้วย
11. สตีเวน สปิลเบิร์ก ผู้กำกับมือทองเป็นคนแรกที่ได้รับเลือกให้มากำกับหนังเรื่องนี้ แต่กลับปฏิเสธ เพื่อไปทำเรื่อง A.I Artificial Intelligence แทนเนื่องจากสปีลเบิร์กอยากให้เจ้าหนูคู่บุญที่ชื่อ ฮาร์ลี่ โจเอล ออลเมนต์ รับบทเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ ในขณะที่เจ เค โรว์ลิ่งผู้เขียนหนังสือเรื่องนี้ยืนยันเสียงแข็งที่จะให้เด็กอังกฤษเท่านั้น
12. กีฬาพ่อมด - แม่มดที่เรียกว่า ควิดดิช ซึ่งเป็นกีฬาที่ผสมผสานกันระหว่างบาสเก็ตบอลและฟุตบอล โดยผู้เล่นจะแบ่งเป็นสองทีมโดยแข่งกันขี่ไม้กวาดความเร็วสูง แย่งกันทำประตู ฉากควิดดิชที่เห็นในหนังเพียง 9 นาทีเศษนั้นใช้เวลาวางแผนทั้งหมด 3 เดือนและใช้เวลาถ่ายทำอีก 6 เดือนจึงจะเสร็จสมบูรณ์
13. หลังจากที่ภาคแรกถ่ายทำเสร็จสิ้นสมบูรณ์และลงโรงฉายไปแล้วทั้งอังกฤษและอเมริกา การถ่ายทำภาคสองก็เริ่มต้นขึ้นแล้วที่ประเทศอังกฤษ และบทภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ภาค 3 Harry Potter and the Prisoner of Azkaban หรือแฮร์รี่ พอตเตอร์กับนักโทษแห่งอัซคาบันก็กำลังเร่งเขียนอยู่ และแว่วๆมาว่าภาค 4 ของหนังเรื่องนี้คือ Harry Potter The Goblet of Fire หรือแฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนีที่มีความยาวถึง 734 หน้านั้นทางผู้สร้างเห็นว่าควรจะสร้างเป็น 2 ภาคมากกว่าโดยภาคแรกมีกำหนดฉายในเทศกาลขอบคุณพระเจ้าในเดือนพฤศจิกายนปี 2004 และตอนสองจะออกฉายในเดือนธันวาคมปีเดียวกันช่วงเทศกาลคริสต์มาส
14. หนังเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ สร้างปรากฏการณ์ไม่ธรรมดาหลายอย่างเช่น ไม้กายสิทธิ์ อาวุธคู่มือของแฮรี่ที่ใช้ในการถ่ายทำหนังถูกแฟนๆแฮร์รี่ พอตเตอร์แย่งกันประมูลจำนวนสองอันในราคาถึง 18,000 เหรียญ เป็นของประกอบฉากที่ถูกแฟนๆประมูลไปด้วยราคาสูงที่สุด ซึ่งฉากที่ดูธรรมดาๆ ไม่มากไปกว่าภาพยนตร์ย้อนยุคทั่วไปอย่างโรงเรียนฮอกวอตส์ ทีมงานกล่าวว่า พวกเขา ใช้ปูนไปมากกว่าที่ลงทุนทำฉากในเรื่อง Gladiator ใช้เสียอีก
15. หนังเรื่อง Harry Potter ทำให้ยอดขายแว่นตาในอังกฤษเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากรายงานของผู้ทำธุรกิจร้านแว่นในอังกฤษพบว่าเด็กๆวัย 8-9ปีต่างพากันตบเท้าเข้ามาวัดสายตามากขึ้น เด็กทุกคนให้เหตุผลที่ตัวเองอยากใส่แว่นเหมือนๆกันหมดว่าเป็นเพราะพวกเขาอยากจะเหมือนกับแฮร์รี่ พอตเตอร์
1.แฮร์รี่ พอตเตอร์ ตีพิมพ์ออกมาแล้ว 4 ภาค โดยที่เจ เค โรว์ลิ่ง วางพล็อตเรื่องไว้ 7 ภาคจบ ขายได้เป็นจำนวนมากมายมหา*ถึง 110 ล้านเล่มทั่วโลก ถูกแปลเป็นภาษาต่างๆมากกว่า 40 ภาษาตั้งแต่ภาษาอัลบาเนียนถึงภาษาซูลู ในภาคที่เป็นภาพยนตร์คือ Harry Potter and the Philosopher’s Stone หรือแฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ใช้งบประมาณในการสร้างทั้งหมด 125 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และถูกฉายในประเทศต่างๆโดยพากย์เสียงทับเป็นภาษาต่างๆถึง 24 ภาษาและเข้าฉายแบบมีซับไทเทิลภาษาอังกฤษใน 16 ประเทศ
2. เจ เค โรว์ลิ่ง ต้องเขียน แฮร์รี่ พอตเตอร์ ภาคแรกในร้านกาแฟที่ชื่อนิโคลสัน ในเมืองเอดินเบอระ สก็อตแลนด์ เนื่องจากที่แฟลตที่เธออยู่นั้นแคบและชื้นจนเกินกว่าที่จะเขียนหนังสือได้
3.มีข่าวว่าจริงๆ เจเค.เขียน แฮร์รี่ พอตเตอร์เล่ม 7 ไปแล้ว โดย แฮร์รี่ พอตเตอร์ในตอนสุดท้ายจะมีอายุ 17 พอดี ข่าวลือก็ละเอียดถึงขนาดที่ว่าคำจบสุดท้ายของหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ก็คือคำว่า Scars หรือแผลเป็นนั่นเอง โดยเนื้อหาของตัวเรื่องจะเน้นเรื่องความรักเร่าร้อนแบบหนังสือวัยรุ่น แต่ไม่โป๊
4. วันเกิดของเจ เค โรว์ลิ่งคือวันที่ 31 กรกฎาคม เป็นวันเดียวกับที่แฮร์รี่ พอตเตอร์เกิด และยังไม่พอ ดาเนียล แรดคลิฟฟ์ดาราเด็กที่แสดงเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ในหนังนั้นก็เกิดวันที่ 31 กรกฎาคม เช่นเดียวกัน
5. เบอร์ตี้ บอตต์ เยลลี่เม็ดทุกรสที่สร้างความแหวะให้กับผู้อ่านเพราะมีกระทั่งรสอ้วกและรสขี้หู จะถูกผลิตขึ้นมาจริงๆโดยบริษัทJelly Bellys และ Cap Candy โดยมี รสหญ้า,รสพริกไทยดำ,รสปลาซาร์ดีน แถมรสขี้มูกและรสอ้วกจริงๆแต่จะถูกคละกันมาในถุงสีแดงสดที่จะมีเยลลี่ทั้งหมด 38 รส
6. ชื่อหอพักของเด็กๆในโรงเรียนฮอกวอตส์ ที่มีความหมายดีอย่าง กริฟฟินดอร์ บ้านฮัฟเฟิลพัฟ บ้านเรเวนคลอ และบ้านสลิธีริน ถูกนึกขึ้นมาได้ขณะ เจเค.นั่งเครื่องบินอยู่ ชื่อทั้งหมดถูกบันทึกบนถุงอาเจียน
7. ร็อบบี้ โคลเทรน ผู้รับบทรูเบอัส แฮกริดชายร่างยักษ์ผู้ใจดี เคยทำงานเป็นคนขับรถของผู้กำกับมาร์ติน สกอร์เซซี่ ผู้กำกับจอมซาดิสต์ที่ผลิตหนังมันส์ๆอย่าง Taxi Driver Raging Bull Casino ฯลฯ
8. มีเด็กทั้งชาวอังกฤษและอเมริกันเข้ามาทดสอบบทแฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นจำนวนมากถึง 16,000 คน แต่เมื่อโรว์ลิ่งได้เห็นวิดีโอเทปของดาเนียล แรดคลิฟฟ์ที่เข้ามาทดสอบบท เดวิด เฮย์แมนโปรดิวเซอร์ของหนังเรื่องนี้กล่าวว่า “เจ เค ทำท่าดีใจและตื่นเต้นเหมือนกับเจอลูกชายในไส้ที่หายตัวไปเป็นเวลานาน”
9. อัลบั้มล่าสุดของ เจอรี่ ฮิลลิเวลล์ ที่ชื่อ Scream If You Wanna Go Faster มีเพลงเหนึ่งที่สาวซ่าคนนี้แต่งขึ้นจากแรงบันดาลใจที่ได้อ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ เพลงนี้ชื่อว่า Circles Round the Moon แถมเจอรี่ยังบอกด้วยว่า เพลงนี้น่าจะถูกเลือกให้เป็นเพลงนำในเรื่องด้วย แต่เธอต้องกินแห้วเพราะซาวด์แทร็คเป็นงานที่ออกโดย วอร์เนอร์ มิวสิค ขณะที่เจอรี่สังกัดอีเอ็มไอ
10. ที่ออสเตรียมีการตั้งโรงเรียนเพื่อสอนเรื่องของพ่อมด-แม่มดจริงๆที่ชื่อ Hexenschule โดยเรียนหลักสูตรทั้งหมด 6 เทอม เปิดสอนวิชาร่ายมนตร์ ผสมยาพิษ วิชาธรรมชาติวิทยา ดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ การนั่งสมาธิ และ การพยากรณ์ โดยมีและผู้ที่เรียนจบจะได้ประกาศนียบัตรวิชาเวทย์มนตร์ด้วย
11. สตีเวน สปิลเบิร์ก ผู้กำกับมือทองเป็นคนแรกที่ได้รับเลือกให้มากำกับหนังเรื่องนี้ แต่กลับปฏิเสธ เพื่อไปทำเรื่อง A.I Artificial Intelligence แทนเนื่องจากสปีลเบิร์กอยากให้เจ้าหนูคู่บุญที่ชื่อ ฮาร์ลี่ โจเอล ออลเมนต์ รับบทเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ ในขณะที่เจ เค โรว์ลิ่งผู้เขียนหนังสือเรื่องนี้ยืนยันเสียงแข็งที่จะให้เด็กอังกฤษเท่านั้น
12. กีฬาพ่อมด - แม่มดที่เรียกว่า ควิดดิช ซึ่งเป็นกีฬาที่ผสมผสานกันระหว่างบาสเก็ตบอลและฟุตบอล โดยผู้เล่นจะแบ่งเป็นสองทีมโดยแข่งกันขี่ไม้กวาดความเร็วสูง แย่งกันทำประตู ฉากควิดดิชที่เห็นในหนังเพียง 9 นาทีเศษนั้นใช้เวลาวางแผนทั้งหมด 3 เดือนและใช้เวลาถ่ายทำอีก 6 เดือนจึงจะเสร็จสมบูรณ์
13. หลังจากที่ภาคแรกถ่ายทำเสร็จสิ้นสมบูรณ์และลงโรงฉายไปแล้วทั้งอังกฤษและอเมริกา การถ่ายทำภาคสองก็เริ่มต้นขึ้นแล้วที่ประเทศอังกฤษ และบทภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ภาค 3 Harry Potter and the Prisoner of Azkaban หรือแฮร์รี่ พอตเตอร์กับนักโทษแห่งอัซคาบันก็กำลังเร่งเขียนอยู่ และแว่วๆมาว่าภาค 4 ของหนังเรื่องนี้คือ Harry Potter The Goblet of Fire หรือแฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนีที่มีความยาวถึง 734 หน้านั้นทางผู้สร้างเห็นว่าควรจะสร้างเป็น 2 ภาคมากกว่าโดยภาคแรกมีกำหนดฉายในเทศกาลขอบคุณพระเจ้าในเดือนพฤศจิกายนปี 2004 และตอนสองจะออกฉายในเดือนธันวาคมปีเดียวกันช่วงเทศกาลคริสต์มาส
14. หนังเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ สร้างปรากฏการณ์ไม่ธรรมดาหลายอย่างเช่น ไม้กายสิทธิ์ อาวุธคู่มือของแฮรี่ที่ใช้ในการถ่ายทำหนังถูกแฟนๆแฮร์รี่ พอตเตอร์แย่งกันประมูลจำนวนสองอันในราคาถึง 18,000 เหรียญ เป็นของประกอบฉากที่ถูกแฟนๆประมูลไปด้วยราคาสูงที่สุด ซึ่งฉากที่ดูธรรมดาๆ ไม่มากไปกว่าภาพยนตร์ย้อนยุคทั่วไปอย่างโรงเรียนฮอกวอตส์ ทีมงานกล่าวว่า พวกเขา ใช้ปูนไปมากกว่าที่ลงทุนทำฉากในเรื่อง Gladiator ใช้เสียอีก
15. หนังเรื่อง Harry Potter ทำให้ยอดขายแว่นตาในอังกฤษเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากรายงานของผู้ทำธุรกิจร้านแว่นในอังกฤษพบว่าเด็กๆวัย 8-9ปีต่างพากันตบเท้าเข้ามาวัดสายตามากขึ้น เด็กทุกคนให้เหตุผลที่ตัวเองอยากใส่แว่นเหมือนๆกันหมดว่าเป็นเพราะพวกเขาอยากจะเหมือนกับแฮร์รี่ พอตเตอร์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)